ฝากถึงครูใหญ่
เลาะเลียบคลองผดุงฯ
ตุลย์ ณ ราชดำเนิน [email protected]
ว่าไปแล้ว
วันครูที่เพิ่งจะจบไปจะเห็นถึงความคึกคักที่ทุกภาคส่วนให้ความสำคัญแก่ครู
ไม่เพียงแค่เป็นปูชนียบุคคลเท่านั้น
หากยังเป็นผู้มีอาชีพที่มีพลังสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาคุณภาพมนุษย์
ตั้งแต่วัยเด็กกระทั่งออกไปทำงาน ใช้ชีวิตอยู่ในสังคม
ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างปกติสุข
สังเกตจากน้ำเสียงของนักวิชาการที่เปิดวงเสวนาหลายวงเนื่องในโอกาสวันครู
มองทะลุมิติมองภาพระบบการศึกษาต้องเปลี่ยนแปลงไปตามบริบทของสังคมไทยและ
สังคมโลก ครูไม่ เพียงทำหน้าที่สอนแต่เพียงอย่างเดียว
ยังต้องสอนวิชาทักษะชีวิตแก่นักเรียนอีกด้วย
จึงจะเรียกว่าเป็นครูสมบูรณ์แบบ
ความจริงวิชาดังกล่าวมีอยู่แล้วในจิตใจของคนเป็นครู
แต่ทุกวันนี้ภาระงานของครูถูกเบียดบังให้ไปทำในสิ่งที่ไม่ใช่งานในหน้าที่
ที่มิใช่งานสอน ทั้งทางตรงและทางอ้อม แม้จะส่งเสียงคร่ำครวญอย่างไร
ก็ไม่มีผล
ต้องทำงานเอกสารรับการประเมินต่างๆ พาเด็กไปแข่งขัน ทำหน้าที่เข้าประชุม
ถูกเกณฑ์ไปต้อนรับผู้ใหญ่ ต้องเข้ารับการอบรมทำงานการเงิน พัสดุครุภัณฑ์
การจัดซื้อจัดจ้างเสี่ยงคุกตะราง หลายแห่ง
ผอ.โรงเรียนตัวการสำคัญในการส่งประเมินประกวดต่างๆ
เพื่อทำผลงานวิชาการตนเองให้เลื่อนวิทยฐานะสูงขึ้น
หากปัญหาเหล่านี้ยังคงดำรงอยู่ ถึงแม้จะไปแก้ปัญหาที่ ตั๋วครู
แก้โดยปรับโครงสร้าง ปรับสวัสดิการ ให้คนเก่งมาเรียนครู
เทวดาก็ไม่อาจแก้ปัญหานี้ได้ เพราะครูไม่เข้าห้องเรียน
สอนหนังสือให้เต็มเวลา
แล้วจะแก้ปัญหาได้ยังไง ในเมื่อครูก็ต้องทำงานอื่นไม่ได้สอนเหมือนเดิม
ถ้าไม่ให้สอนประเมินกี่รอบคุณภาพก็ยังต่ำเพราะครูไม่ได้เข้าห้องสอน
เด็กก็ยังรอครู การเตรียมตัวสอนก็ยังไม่มี
มีสิ่งที่คุณครูอยากจะบอกผู้หลักผู้ใหญ่ผู้มีอำนาจในบ้านเมือง
อย่างที่สวนดุสิตโพลเขาสำรวจมา คือ อยากมีเวลาสอนมากขึ้น
ลดภาระงานด้านการประเมิน ตัวชี้วัด เอกสารต่างๆ สูงสุด รองลงมา
ได้แก่ปฏิรูปการศึกษา พัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนให้มีคุณภาพ
กรุณาอย่าเปลี่ยนนโยบายบ่อย
นอกจากนี้ ยังมีคนมายืนกระซิบอยากบอกไปถึงคุรุสภา และสกสค.คือ
อย่าหากินบนหลังครู อย่าใช้ครูแสวงหาอำนาจ
ขอให้เป็นหัวจักรขับเคลื่อนต่อต้านความรุนแรงต่อครู
ในจังหวัดชายแดนใต้อย่างจริงจัง และขอให้เป็นต้นแบบในการบริหารองค์กรแบบ
"ธรรมาภิบาล และยึดมั่นใน จรรยาบรรณวิชาชีพครู"
ที่มา ข่าวสดออนไลน์ วันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2558 หน้า 23
