กางแผนที่สร้างทางรถไฟไทย จีน-ญี่ปุ่นลงทุน
ดีเดย์รถไฟไทย-จีน ดึงอิตาเลียนฮุบเริ่มสร้างปี58  .....
รัฐบาล จีนเสนอแผนลงทุนสร้างรถไฟไทย-จีน เส้นทาง
"หนองคาย-มาบตาพุด" ยกแพ็กเกจ ชงเงินกู้ "ไชน่าเอ็กซิมแบงก์" ดอกเบี้ย 3%
ยาว 30-40 ปี พ่วงรับเหมาจีน 3 บริษัท
"ไชน่าเรลเวย์-ไชน่าพาวเวอร์-ซีเคซีซี" นำทีมลุยก่อสร้าง ซุ่มเจรจา
"อิตาเลียนไทย-เอ.เอส." ดึงเข้าร่วม "เปรมชัย" มั่นใจได้งานเกินครึ่ง
"บิ๊กจิน-บิ๊กตู่" ลั่นคิกออฟ ธ.ค. 58 เป็นของขวัญคนไทย ดีเดย์ ก.พ. เตรียม
3 เส้นหารือญี่ปุ่น ด้าน "หม่อมอุ๋ย" ติงใช้เงินกู้ ตปท.หวั่นเสี่ยง
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผย
"ประชาชาติธุรกิจ" ว่า อีก 10 เดือนจากนี้ไป หรือประมาณเดือน ต.ค. 2558
แผนลงทุนก่อสร้างรถไฟทางมาตรฐาน 1.435 เมตร
เส้นทางหนองคาย-โคราช-แก่งคอย-มาบตาพุด ระยะทาง 734 กม.
และเส้นทางแก่งคอย-กรุงเทพฯ 133 กม.
ซึ่งรัฐบาลไทยและรัฐบาลจีนลงนามความร่วมมือ (MOU) แบบรัฐบาลต่อรัฐบาล
(จีทูจี) จะได้ข้อสรุปเป็นทางการ จากนั้นวันที่ 1 ธ.ค. 2558
จะเดินหน้าก่อสร้าง
เบื้องต้นประเมินงบฯลงทุนไว้ 392,570 ล้านบาท อาจเพิ่มหรือลดลงกว่านี้บ้าง
แบ่งการก่อสร้างเป็น 4 ช่วง ได้แก่ 1.หนองคาย-โคราช 2.โคราช-แก่งคอย
3.แก่งคอย-ระยอง และ 4.แก่งคอย-กรุงเทพฯ
เพื่อให้รับกับการเวนคืนที่ดินซึ่งอาจจะมีอุปสรรค แต่จะเร่งรัดให้เร็วขึ้น
เพราะคณะทำงานที่ตั้งขึ้นจากหลายภาคส่วน เช่น ตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ผู้ว่าราชการจังหวัดที่โครงการตัดผ่าน นักวิชาการ เจ้าหน้าที่ด้านเทคนิค
จะร่วมกันทำงานและชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ

กู้เงินจนพ่วงขายข้าว-ยางใช้หนี้
พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า ส่วนรูปแบบการลงทุนยังไม่สรุป
แต่ที่หารือกันจีนจะเป็นผู้รับผิดชอบการก่อสร้างและหาเงินลงทุนให้
ส่วนที่เหลือจะทำงานร่วมกันทั้งการออกแบบ สำรวจเส้นทาง ประมาณราคา
จัดหาระบบเทคนิค โดยใช้ของจีนเป็นหลัก
ขณะที่การบริหารโครงการจะเป็นของรัฐบาลไทย
"ต้องกู้เงินจีนเป็นเงินสกุลหยวน
ซึ่งธนาคารของจีนเสนอให้พิจารณาหลายออปชั่น เช่น
แบงก์แห่งหนึ่งเสนอกู้แสนล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 3% ระยะเวลาชำระหนี้ 20 ปี
อีกรายเสนอให้กู้ 2 แสนล้านบาท ดอกเบี้ย 2.9% ระยะเวลาชำระหนี้ 15 ปี
เป็นต้น มาดูว่าแบบไหนเหมาะสมกับไทยจากนั้นจะต่อรอง
เพราะดอกเบี้ยกู้ในประเทศปัจจุบันอยู่ที่ 5-5.5% เมื่อจีนคิดดอกเบี้ย 3%
จึงน่าสนใจ อย่างไรก็ตามคงต้องต่อรองขยายเวลาชำระหนี้คืน เพราะ 10 ปี หรือ
15 ปีอาจไม่พอ"
ส่วนเงินลงทุนอาจได้มาจากการขายข้าวและยางพาราที่เซ็น MOU ไปพร้อมกัน
แต่ไม่ใช่การบาร์เตอร์เทรด เพราะเซ็นคนละฉบับ และเป็นเงินคนละส่วนกัน
ทั้งนี้ รถไฟสายนี้เป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ของ 2 ประเทศที่จะเชื่อมโยงกัน
เพื่อขนส่งสินค้าจากจีน ผ่านลาว มาไทย ที่ท่าเรือแหลมฉบัง
ไชน่าเอ็กซิมฯให้กู้ 40 ปี ดบ. 3%
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคมเปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า
ความคืบหน้ารถไฟไทย-จีนราง 1.435 เมตร เส้นทางอีสาน
ล่าสุดรัฐบาลจีนเสนอใช้รูปแบบเทิร์นคีย์ โดยจีนจะหาเงินลงทุน
ออกแบบรายละเอียด และก่อสร้าง
โดยให้ไชน่าเอ็กซิมแบงก์เป็นผู้ปล่อยกู้อัตราดอกเบี้ย 3% ระยะเวลา 30-40 ปี
คาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้าง 4 ปี ใช้เงินลงทุนปีละกว่า 1 แสนล้านบาท
ด้านการก่อสร้างจะให้บริษัทผู้รับเหมาไทยเป็นผู้ก่อสร้าง
โดยร่วมกับผู้รับเหมาจีนที่ถูกคัดเลือกไว้เรียบร้อยแล้ว
เป็นบริษัทที่รัฐบาลจีนเป็นผู้ถือหุ้น เนื่องจากจีนจะไม่มีแรงงานก่อสร้าง
มีแต่ผู้เชี่ยวชาญ ต้องใช้แรงงานจากไทย
และเป็นเงื่อนไขหนึ่งที่รัฐบาลไทยระบุไว้ว่าต้องใช้ผู้รับเหมาไทย
"ขณะนี้กำลังทำแบบรายละเอียดโครงการให้ได้ราคาก่อสร้างที่เหมาะสม
เดิมเคยประมาณการลงทุนไว้ 392,570 ล้านบาท คาดว่าแบบรายละเอียดจะรวดเร็ว
เพราะแบบเดิมมีอยู่แล้ว จากผลศึกษาระบบรถไฟความเร็วสูง
แต่มาปรับใหม่ให้มีความเร็ว 180 กม./ชม.
ซึ่งรถไฟสายนี้รัฐบาลให้ความสำคัญมาก และพยายามผลักดันให้เกิดขึ้น"
3 ยักษ์รับเหมาจีนจีบ ITD
นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์
เปิดเผย"ประชาชาติธุรกิจ" ว่า บริษัทได้รับการติดต่อจากผู้รับเหมาจีน 3 ราย
ได้แก่ บริษัท ซีเคซีซี, บริษัท ไชน่า เรลเวย์ กรุ๊ป (ซีอาร์อีซี)
และบริษัท ไชน่า พาวเวอร์
ให้ร่วมงานก่อสร้างรถไฟที่รัฐบาลไทยและจีนจะพัฒนาร่วมกัน
จากการหารือร่วมกัน จีนมั่นใจว่าโครงการนี้จะเกิดขึ้นได้แน่ในรัฐบาลชุดนี้
เนื่องจากรัฐบาลจีนจัดเงินลงทุนไว้ให้แล้ว ดอกเบี้ย 3% ให้ผ่อนชำระ 30-40
ปี แค่รอการตอบรับจากรัฐบาลไทยว่าจะรับเงื่อนไขที่จีนเสนอหรือไม่
"จากที่ได้หารือกัน
ผู้รับเหมาจีนจะลงทุนสร้างพร้อมกันทั้งเส้นให้แล้วเสร็จใน 3-4 ปี
รัฐบาลจีนอยากจะให้โครงการเกิดเร็ว ๆ
เพราะจะเชื่อมกับรถไฟความเร็วสูงที่นครเวียงจันทน์ประเทศลาว
ซึ่งจีนสร้างลงมาจากคุนหมิง"
นายเปรมชัยกล่าวว่า สำหรับรถไฟสายนี้บริษัทมั่นใจจะได้งานก่อสร้างเกิน 50%
ของเนื้องาน
เนื่องจากบริษัทมีประสบการณ์ก่อสร้างทางรถไฟกับการรถไฟแห่งประเทศไทย
(ร.ฟ.ท.) มาร่วม 20 ปี อย่างไรก็ตาม
เนื่องจากเป็นโครงการขนาดใหญ่จึงอาจต้องใช้รับเหมาไทยหลายบริษัทร่วมก่อ
สร้าง ทราบว่านอกจากอิตาเลียนไทยฯแล้ว รับเหมาจีนได้ติดต่อ
บจ.เอ.เอส.แอสโซซิเอท เอ็นจิเนียริ่ง (1964) ด้วย
บิ๊กตู่มอบเป็นของขวัญปี 58
ด้านพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า
การไปเยือนจีนครั้งที่ผ่านมา
นอกจากจะเป็นการกระชับความสัมพันธ์กับจีนที่เป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับ 2
ของโลก และในปี 2558 จะเป็นปีที่ครบรอบ 40
ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน
พร้อมทั้งได้ยืนยืนว่ารัฐบาลจะเดินหน้าลงทุนโครงการแน่นอน
เพื่อพัฒนาการคมนาคมขนส่งของประเทศให้ทันสมัยจะได้เชื่อมโยงกับประเทศอา
เซียน เพราะไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค
ทั้งนี้คณะกรรมการร่วมของทั้ง 2
ฝ่ายจะเร่งหารือรายละเอียดโครงการตั้งแต่เดือน ม.ค.นี้เป็นต้นไป
เพื่อทำความเข้าใจ หากกฎกติกาการค้า การร่วมลงทุนต่าง ๆ
ให้เสร็จโดยเร็วเพื่อดำเนินการก่อสร้างเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับคนไทยในปี
2558
นอกจากนี้ยีงขอให้จีนสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางการคมนาคมของภูมิภาค
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของความพร้อมของไทยที่จะเป็นสถานที่ตั้งของศูนย์
ควบคุมระบบรถไฟในภูมิภาค
รวมทั้งตั้งโรงงานผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับกิจการรถไฟ
ขณะที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจ
มองว่าไม่จำเป็นต้องใช้แหล่งเงินกู้ที่จีนจัดหาให้ก่อสร้างรถไฟสายนี้
เนื่องจากเป็นเงินตราต่างประเทศ มีความเสี่ยง นึกว่าถูกอาจจะกลายเป็นแพง
จึงต้องพิจารณาให้ดี ซึ่งไทยมีทางเลือก
เพราะขณะนี้ประเทศไทยมีเงินอยู่มากและดอกเบี้ยก็ถูก เงินไม่ใช่ประเด็น
และการเซ็น MOU เป็นแค่การตกลงพัฒนาร่วมกัน
เปิดปูม 3 รับเหมาจีน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบผู้รับเหมาจีน 3 บริษัท พบว่า 1.บริษัท
ไชน่า เรลเวย์ กรุ๊ป (CREC) ก่อตั้งเมื่อ 12 ก.ย. 2550 ด้วยทุนจดทะเบียน
1.28 หมื่นล้านหยวน ถือหุ้น 100% โดย CRECG (China Railway Engineering
Corporation Group) รัฐวิสาหกิจจีน ทำธุรกิจการก่อสร้างแบบครบวงจร
ทั้งโครงสร้างพื้นฐาน สำรวจ ออกแบบ และเป็นที่ปรึกษาโครงการ
อีกทั้งผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์ด้านวิศวกรรม รวมถึงนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
มีบริษัทลูก 46 แห่ง มีส่วนร่วมก่อสร้างเส้นทางรถไฟสายสำคัญในจีนทุกสาย
ระยะทางมากกว่า 50,000 กม. คิดเป็น 2 ใน 3
ของระยะทางรถไฟที่เปิดใช้งานในจีนแผ่นดินใหญ่
2.บริษัท ไชน่า พาวเวอร์ อินเวสต์เมนต์คอร์ปอเรชั่น (CPI)
เป็นองค์กรลงทุนในธุรกิจพลังงาน ถ่านหิน อะลูมิเนียม ทางรถไฟและท่าเรือ
ก่อตั้งเมื่อ 29 ธ.ค. 2545 ทุนจดทะเบียน 1.2 หมื่นล้านหยวน เป็น 1 ใน 3
บริษัทในจีนที่ได้รับอนุญาตให้พัฒนา สร้างและดำเนินการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
ส่วน "ไชน่าเอ็กซิมแบงก์" หรือธนาคารเพื่อการนำเข้าและส่งออกของจีน
เป็นธนาคารของรัฐ
หลังจีนเปิดยุทธศาสตร์พัฒนาเศรษฐกิจเส้นทางสายไหมทางบกและทางทะเล
เริ่มปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ
เพื่อสนับสนุนโครงการเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน (ASEAN
Connectivity)และยังสนับสนุนเส้นทางรถไฟสายทรานส์เอเชีย (Trans-Asian
Railway) และมีส่วนร่วมวางแผนและจัดสรรเงินทุน
สำหรับเส้นทางรถไฟลาว-จีน เส้นทางรถไฟไทย-จีน เส้นทางรถไฟกัมพูชา-จีน และเส้นทางรถไฟเวียดนาม-จีน
ลุ้นญี่ปุ่นเคาะ 3 เส้นทาง
ด้าน พล.อ.อ.ประจินกล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากเส้นทางดังกล่าวแล้ว
รัฐบาลมีรถไฟอีก 3 เส้นทาง อยู่ระหว่างรอเจรจาร่วมกับประเทศญี่ปุ่น ได้แก่
1.สายแม่สอด-พิษณุโลก-เพชรบูรณ์-ขอนแก่น-มุกดาหาร
เชื่อมการค้าชายแดนและรองรับเขตเศรษฐกิจพิเศษมุกดาหาร
2.สายบ้านพุน้ำร้อน-กาญจนบุรี-กรุงเทพฯ-ระยอง เชื่อมโยงการขนส่งด้านใต้
จากท่าเรือแหลมฉบัง-ท่าเรือทวาย ที่ญี่ปุ่นจะมาร่วมลงทุนด้วย และ
3.สายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ คาดว่าจะหารือร่วมกันปลายเดือน ม.ค.-ก.พ.นี้
หลังญี่ปุ่นตั้งรัฐบาลเสร็จเรียบร้อย
"จีนได้สายอีสานแล้ว ก็คาดหวังว่าญี่ปุ่นจะสนใจ 3 เส้นนี้
ส่วนจะพัฒนาร่วมกันแบบจีทูจีหรือไม่ ยังต้องให้ผู้ใหญ่หารือกันก่อน
กระทรวงคมนาคมเป็นผู้เตรียมความพร้อมให้"
เปิดความพร้อมแต่ละโครงการ
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคมเปิดเผยว่า ความพร้อมแต่ละโครงการ
เส้นทางหนองคาย-นครราชสีมา-แก่งคอย-มาบตาพุด และแก่งคอย-กรุงเทพฯ
ต้องออกแบบใหม่คือช่วงหนองคาย-นครราชสีมา และช่วงศรีราชา-แหลมฉบัง
ส่วนที่เหลือจะนำแบบรายละเอียดเดิมมาทบทวนใหม่
สายแม่สอด-พิษณุโลก-เพชรบูรณ์-ขอนแก่น-มุกดาหาร 658 กม.
การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ศึกษาช่วงบ้านไผ่-มุกดาหาร-นครพนม เสร็จแล้ว
358 กม. แต่เป็นทางคู่ 1เมตร ลงทุน 42,106 ล้านบาท
ส่วนช่วงแม่สอด-พิษณุโลก-เพชรบูรณ์-ขอนแก่น ยังไม่มีการศึกษา แต่
ร.ฟ.ท.จ้างที่ปรึกษาศึกษาช่วงแม่สอด-กำแพงเพชร-นครสวรรค์ 240 กม.แล้ว
สายบ้านพุน้ำร้อน-กาญจนบุรี-กรุงเทพฯ-ระยอง
ร.ฟ.ท.ศึกษากรุงเทพฯ-ระยองเสร็จแล้ว เป็นรถไฟความเร็วสูง 250 กม./ชม. 193
กม.ลงทุน 152,000 ล้านบาท ช่วงบ้านพุน้ำร้อน-กรุงเทพฯ 180 กม. ไม่ได้ศึกษา
ส่วนสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.)
ศึกษาเสร็จแล้ว ทั้งโครงการเป็นรถไฟความเร็วสูง 250 กม./ชม. 749 กม.
เงินลงทุน 445,304 ล้านบาท ช่วงกรุงเทพฯ-พิษณุโลก
ยื่นรายละเอียดการจัดทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) แล้ว
ก่อนหน้านี้ ทั้งจีนและญี่ปุ่นได้ศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุน 3-4
โครงการนี้แล้ว โดยจีนศึกษากรุงเทพฯ-หนองคาย และกรุงเทพฯ-เชียงใหม่
ญี่ปุ่นศึกษากรุงเทพฯ-ระยอง และกรุงเทพฯ-เชียงใหม่
จึงเป็นไปได้สูงที่ใครออกแบบเส้นทางไหนแล้ว
ก็น่าจะได้เป็นผู้ลงทุนโครงการนั้น ๆ
ที่มา ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 05 ม.ค. 2558 |
โพสเมื่อ :
06 ม.ค. 58
อ่าน 2014 ครั้ง คำค้นหา :
|
|