ท้า"ออมสิน"แน่จริงลดดอกแก้หนี้ครู ชี้ปล่อยกู้เงินอนาคตเรตต่ำยิ่งเพิ่มภาระ
เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ นายอดิศร เนาวนนท์ คณบดีบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา เปิด
เผยว่า จากกรณีที่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)
รับทราบโครงการลดภาระหนี้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
โดยธนาคารออมสินจะอนุมัติวงเงินสินเชื่อใหม่ให้กับผู้กู้ที่เป็นข้าราชการ
ครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่สมัครใจเข้าร่วมโครงการ
โดยใช้เงินที่ทายาทจะได้รับในอนาคตเพื่อค้ำประกัน
ทั้งเงินกองทุนฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา
(ช.พ.ค.) หรือเงินบำเหน็จตกทอด นำมาขอเงินสินเชื่อใหม่ เพื่อลดภาระหนี้
หรือปิดบัญชีหนี้ที่มีอยู่ในปัจจุบัน
ซึ่งธนาคารจะคิดอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าปกติให้ ว่า แนวทางนี้ดูเหมือนดี
แต่ไม่ได้ดี และแก้ไม่ตรงจุด
เพราะเป็นการให้วงเงินกู้ใหม่มาใช้หนี้เก่าในอัตราดอกเบี้ยต่ำ
ซึ่งหากธนาคารออมสิน และกระทรวงการคลัง (กค.) ตั้งใจแก้ปัญหาหนี้สินครู
และใจถึงจริงๆ ก็ประกาศลดดอกเบี้ยไปเลยทีเดียว ไม่จำเป็นต้องให้ครูมากู้อีก
เพราะสุดท้ายจะวนกลับไปสู่ปัญหาเดิม
เป็นการยั่วยุให้ครูเป็นหนี้สินเพิ่มขึ้นอีก เพราะบางคนอาจกู้ส่วนต่าง
เกินกว่าจำนวนหนี้ที่เป็นมาใช้ฟุ่มเฟือย ทำให้ครูกลายเป็นหนี้เพิ่มขึ้น
แทนที่จะเป็นการปลดหนี้
จึงอยากให้รัฐบาลมองถึงวิธีการแก้ปัญหาหนี้สินครูในแนวทางอื่นๆ ด้วย
นายสมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์ประจำคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
กล่าวว่า
มองว่ามาตรการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูที่ผ่อนปรนหนี้ให้ครูด้วยการนำเงิน
ช.พ.ค.ที่ใช้ค้ำประกันเงินกู้มาตั้งเป็นวงเงินในการรีไฟแนนซ์ในอัตรา
ดอกเบี้ยต่ำ ยังไม่ใช่ทางการแก้หาที่ตรงจุด ยังมีแนวทางอื่นๆ
ที่เหมาะสมกว่า และแนวทางนี้เป็นเพียงการผ่อนปรน
ซึ่งสุดท้ายจะทำให้กลับไปสู่ปัญหาเดิม คือเปิดช่องให้ครูกู้เงินเพิ่มขึ้น
โดยนำเงินอนาคตมาใช้ ดังนั้น การปล่อยกู้ หรือให้ครูรีไฟแนนซ์
ต้องมีมาตรการ และข้อกำหนดชัดเจน
รวมถึงต้องพูดคุยรายละเอียดกับครูให้เข้าใจด้วยว่าจะต้องปรับระเบียบการใช้
เงินให้เป็นระบบมากขึ้น
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และโฆษกกระทรวงการคลัง
กล่าวว่า ธนาคารออมสินจะเปิดให้กลุ่มครูที่เป็นหนี้กับธนาคารกว่า 4.7
แสนคน วงเงิน 4.74 แสนล้านบาท หรือหนี้ประมาณรายละ 1 ล้านบาท
ที่สนใจลงทะเบียนเพื่อรีไฟแนนซ์หนี้เดิม
โดยเงินที่ได้รับจะไม่เกินกว่าหนี้ที่มีอยู่กับธนาคารออมสิน
โดยจะลดดอกเบี้ยให้เหลือเพียง 4% ตลอดอายุสัญญา จากปัจจุบัน 6-7%
ซึ่งการดำเนินการครั้งนี้ไม่สร้างผลกระทบให้ธนาคารออมสิน
เพราะต้นทุนของธนาคารอยู่ที่กว่า 2% อย่างไรก็ตาม
ผู้เข้าร่วมโครงการต้องนำเงิน ช.พ.ค.มาค้ำประกันเงินกู้
พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าว
ว่า โครงการลดภาระหนี้นี้จะช่วยลดภาระหนี้ให้ครู
โดยครูที่เข้าเกณฑ์สามารถนำเงิน
ช.พ.ค.ที่ทายาทจะได้รับในอนาคตมาตั้งเป็นวงเงินรีไฟแนนซ์ใหม่ในอัตรา
ดอกเบี้ยต่ำ ซึ่งจะทำให้ลดเงินต้นที่ครูต้องผ่อนชำระได้ประมาณ 3-4 แสนบาท
เพื่อให้ครูมีภาระผ่อนชำระหนี้ลดลงในแต่ละเดือน
"โครงการนี้ไม่ได้สร้างหนี้ให้ครูซ้ำซ้อน แต่จะช่วยบรรเทาภาระหนี้ครู
โดยผมจะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาพูดคุยเกี่ยวกับแนวทาง
และกติกาการปล่อยกู้ โดยเฉพาะการตรวจสอบสลิปเงินเดือน
เพื่อตรวจสอบสถานะผู้กู้ว่ามีกำลังเพียงพอที่จะชำระหนี้หรือไม่
ซึ่งผมไม่ได้มีนโยบายห้ามกู้เงิน
แต่ถ้าจะกู้ใหม่ต้องเพิ่มการตรวจสอบให้มากขึ้น
ไม่ใช่ทำแบบเดิมที่ลูบหน้าปะจมูก
อนุมัติกันโดยที่ครูมีเงินในบัญชีเหลือน้อย จากนี้การอนุมัติปล่อยกู้ให้ครู
ผู้บริหารโรงเรียนจะต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วย ยืนยันว่าจะดูแล
และไม่ทิ้งครูแน่นอน
แต่ถ้าครูไม่สามารถกู้ได้เนื่องจากไม่มีกำลังเพียงพอที่
ก็จะดูแลด้วยวิธีอื่นต่อไป" พล.อ.ดาว์พงษ์กล่าว
นพ.กำจร ตติยกวี ปลัด ศธ.กล่าวว่า
มาตรการรีไฟแนนซ์เงินกู้เพื่อแก้ปัญหาหนี้สินครูของธนาคารออมสิน
ที่จริงคือลดดอกเบี้ยให้ครูที่เป็นสมาชิก ช.พ.ค.แต่ไม่ใช่ลดโดยตรง
เป็นการนำเงินที่เหลือจากวงเงินกู้เดิมมาค้ำประกัน
หากผู้กู้ชำระเงินตรงตามเวลาจนครบจำนวนเงินกู้ เงินส่วนนี้จะไม่หายไปไหน
เมื่อผู้กู้เสียชีวิต ญาติจะได้รับตามเดิม อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีสมาชิก
ช.พ.ค.ประมาณ 990,000 คน เกือบทั้งหมดกู้เงินกับธนาคารออมสิน
แต่มีบางส่วนที่ชำระหนี้ไปแล้ว ซึ่งผู้ที่ต้องการรีไฟแนนซ์จะต้องทำสัญญา
จากนั้นธนาคารจะคำนวณเงินที่เหลือหลังจากหักหนี้ ซึ่งจากการคำนวณเบื้องต้น
พบว่าผู้กู้ยังมีเงิน
ช.พ.ค.ที่จะได้รับหลังจากเสียชีวิตเหลืออยู่ประมาณรายละ 3-4 แสนบาท
และเงินตรงนี้จะใช้ค้ำประกัน เท่ากับได้ใช้หนี้
และได้ผ่อนชำระตามวงเงินกู้เดิมในอัตราดอกเบี้ย 4% จากเดิมอยู่ที่ประมาณ
6.5%
ที่มา มติชน ฉบับวันที่ 12 ก.พ. 2559 (กรอบบ่าย)
|
โพสเมื่อ :
12 ก.พ. 59
อ่าน 1721 ครั้ง คำค้นหา :
|
|