![]() |
วันนี้(24ธ.ค.) มีรายงานข่าวว่ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ได้ออกแถลงการณ์เรื่อง การแสดงความคิดเห็นของอาจารย์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โดยแถลงการณ์ ว่า ทางมหาวิทยาลัยให้อิสรภาพทางวิชาการแก่คณาจารย์ บุคลากร และนักศึกษา โดยให้แสดงความคิดเห็น วิเคราะห์ วิจารณ์ในเชิงวิชาการได้อย่างกว้างขวางและสร้างสรรค์
จากกรณีที่อาจารย์ของมหาวิทยาลัยได้แสดง ความคิดเห็นส่วนบุคคลผ่านทาง facebook และถูกนำไปเผยแพร่ต่อ มหาวิทยาลัยไม่ได้นิ่งนอนใจ และขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ มหาวิทยาลัย โดยคณะกรรมการจรรยาบรรณมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ได้พิจารณาและตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบว่า การกระทำดังกล่าวประพฤติผิดจรรยาบรรณตามข้อบังคับว่าด้วยจรรยาบรรณ ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี พ.ศ.2554 เป็นการกระทำที่กระทบต่อชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของมหาวิทยาลัย จึงได้มีมติดำเนินการเตือนเป็นลายลักษณ์อักษรแก่อาจารย์ดังกล่าว และให้ยุติการเผยแพร่ข้อความในลักษณะเดียวกันนั้นทันที
ที่มาภาพและเนื้อหาจาก MThai ม.สุรนารีก้นร้อน สั่ง‘ทวิช’หุบปาก วิจารณ์บอลไทยม.สุรนารีก้นร้อน "อธิการประสาท" ออกแถลงการณ์ ระบุคณะกรรมการจรรยาบรรณมหาวิทยาลัยตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบว่า "ทวิช จิตรสมบูรณ์" ประพฤติผิดจรรยาบรรณ กระทบภาพลักษณ์มหาวิทยาลัย จึงมีมติแค่ตักเตือนให้หยุดโพสต์ข้อความ ขณะที่ "ประยุทธ์" หาสปอนเซอร์อัดฉีด "ช้างศึก" เพิ่ม เมื่อวันพุธ ศ.ดร.ประสาท สืบเค้า อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ออกแถลงการณ์ผ่านทางเฟซบุ๊กของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ชื่อว่า Suranaree University of Technology เรื่องการแสดงความคิดเห็นของอาจารย์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โดยมีเนื้อหาระบุว่า "มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีเป็นสถาบันอุดมศึกษาของรัฐที่ยึดหลักการให้ อิสรภาพทางวิชาการแก่คณาจารย์ บุคลากร และนักศึกษา โดยให้แสดงความคิดเห็น วิเคราะห์ วิจารณ์ในเชิงวิชาการได้อย่างกว้างขวางและสร้างสรรค์ กรณีที่อาจารย์ของมหาวิทยาลัยได้แสดงความคิดเห็นส่วนตัวผ่าน Facebook และถูกนำไปเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์โดยเป็นที่รับทราบในวงกว้างนั้น มหาวิทยาลัยได้ทราบและติดตามข้อมูลข้อสังเกตและข้อเสนอแนะจากผู้ให้ความสนใจ ผ่านสื่อสังคมออนไลน์มาโดยตลอด และมิได้นิ่งนอนใจต่อกระแสวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าว ในฐานะที่มหาวิทยาลัยเป็นสถาบันคู่เคียงสังคม ซึ่งตระหนักเป็นอย่างยิ่งต่อความรับผิดชอบที่มีต่อสังคมไทยโดยรวม ขอแสดงความเสียใจต่อเหตุกาณ์ที่เกิดขึ้น แม้ว่าจะเป็นการกระทำส่วนบุคคลก็ตาม มหาวิทยาลัยจึงได้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยคณะกรรมการจรรยาบรรณมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีได้พิจารณาและตรวจสอบ ข้อเท็จจริงแล้วพบว่า การกระทำดังกล่าวประพฤติผิดจรรยาบรรณตามข้อบังคับว่าด้วยจรรยาบรรณ ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี พ.ศ.2554 เป็นการกระทำที่กระทบต่อชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของมหาวิทยาลัย จึงได้มีมติให้ดำเนินการตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษรแก่อาจารย์ดังกล่าว และให้ยุติการเผยแพร่ข้อความในลักษณะเดียวกันนั้นทันที "มหาวิทยาลัยใคร่ขอขอบคุณสื่อมวลชนและผู้เกี่ยวข้องที่ให้ความสนใจ และแสดงความห่วงใยต่อภาพลักษณ์และการดำเนินงานของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุ รนารี ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยยืนยันว่าจะธำรงไว้ซึ่งวัฒนธรรมคุณภาพ ทั้งการผลิตบัณฑิต การวิจัย และการบริการวิชาการเพื่อเป็นสถาบันคู่เคียงสังคมสืบไป จึงเรียนมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน" เป็นที่น่าสังเกตว่า แถลงการณ์ดังกล่าวไม่ระบุชื่ออาจารย์คนที่ถูกกล่าวถึงแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม เป็นที่ทราบกันในสังคมในวงกว้างว่า คือ ศ.ดร.ทวิช จิตรสมบูรณ์ อาจารย์ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาวิศวกรรมเครื่องกล มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ที่โพสต์ข้อความตำหนินักฟุตบอลทีมชาติไทย และตัวเกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หรือซิโก้ ผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยชุดแชมป์ฟุตบอลเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014 อย่างไร้สาระว่าสำเนียงภาษาอังกฤษย่ำแย่ไม่ต่างกับเมียเช่า รวมทั้งตำหินว่า ชาริล ชัปปุยส์ มิดฟิลด์ลูกครึ่งไทย-สวิส อาศัยเพียงหน้าตาหล่อเหลาจึงได้ติดทีมชุดนี้ จนเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ ที่พากันตำหนิศ.ดร.ทวิช ว่าไม่มีคุณสมบัติการเป็นครูบาอาจารย์ เลยพาดพิงไปถึงมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ที่รับคนไร้วุฒิภาวะเข้าเป็นอาจารย์ ที่ทำเนียบรัฐบาล วันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตอบข้อซักถามผู้สื่อข่าวที่ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์เรียกศรัทธาคนไทยให้ได้อย่างที่ซิโก้ทำได้ โดยเขาระบุว่า แล้วนายเกียรติศักดิ์ทำอย่างอื่นด้วยหรือไม่ ต้องเรียกให้ทุกคนให้กำลังใจนายเกียรติศักดิ์ และให้กำลังใจพวกตนด้วย ทั้งนี้ ได้ให้เงินอัดฉีดนายเกียรติศักดิ์ไป 5 ล้านบาท และกำลังจะหาคนมาบริจาคอีกเป็นวงเงินจำนวนมาก ระหว่างแข่งขันตนได้โทรศัพท์ให้กำลังใจไป "วันนี้กีฬาเราชนะอะไรเหมือนจะดีขึ้น อย่าไปเทียบปีนี้กับปีก่อน วันนี้โชคดีน้ำมันลง แต่จะให้ลดครึ่งราคาไม่ได้ ทุกอย่างต้องมีเริ่มต้นแล้วไปจบลงตอนท้าย" นายกฯ กล่าวว่า การเมืองต้องรู้แพ้รู้ชนะด้วยกฎหมาย ตนพยายามไม่ให้มีข้อขัดแย้งเพิ่มเติม กระบวนการปรองดองต้องว่ากันไป ตนไม่เข้าไปยุ่ง แต่เป็นคนรับผิดชอบ ต้องฟังว่าเขาว่ากันอย่างไร เมื่อได้ข้อสรุปต้องดูว่าจะทำอย่างไรต่อไป “วันนั้นดูฟุตบอลอยู่ก็เอาใจช่วย และต้องนึกถึงด้วยว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทอดพระเนตรอยู่ และท่านทรงส่งข่าวไปตั้งแต่ตอนพักครึ่งแรกว่าเป็นกำลังใจให้ดูอย่าท้อแท้ ให้มีสมาธิในการเล่น ไม่ได้รับสั่งว่าต้องชนะ เพราะท่านเป็นนักกีฬาจึงบอกให้ทุกคนมีสติ เล่นด้วยความระมัดระวัง วันนั้นคนมาเลเซียเขาเข้ามาเชียร์เป็นจำนวนมาก สุดท้ายปรบมือให้เรา เรียกว่าใจหล่อ เราต้องรักประเทศรอบบ้าน เพราะเศรษฐกิจจะแก้ไม่ได้ ต้องเริ่มที่รอบบ้านก่อน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว.
ที่มา ไทยโพสต์ 25 ธันวาคม 2557 |
โพสเมื่อ : 25 ธ.ค. 57 อ่าน 1564 ครั้ง คำค้นหา : |