นักวิชาการตัดเกรดให้ผลงานศึกษาแค่6แต้ม ชี้ "สะเปะสะปะ-ไม่เห็นผลรูปธรรม"



นายสมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยให้สัมภาษณ์ถึงผลงานด้านการศึกษาของรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รอบ 2 ปี (12 กันยายน 2557-12 กันยายน 2559) ว่า ตนให้คะแนนรัฐบาล 6.5 จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน รัฐบาลทำเรื่องการศึกษารอบด้านและทุกเรื่อง แต่ตัวเนื้องานที่ปรากฏ ไม่เห็นผลชัดเจน จากการพูดคุยกับคนแวดวงการศึกษา ส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่าการศึกษาดีขึ้นแต่เปลี่ยนแปลงไม่มาก ที่อ้างได้ว่าเป็นผลงานรัฐบาลชุดนี้ คือ การใช้มาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวแก้ไขปัญหาการทุจริตต่างๆ ซึ่งโดดเด่น แต่นโยบายอื่นๆ มองว่าเป็นงานปกติของระบบราชการ อาจเพราะมีการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีว่าการศธ.บ่อย เฉลี่ยปีละคน จึงทำให้นโยบายขาดความต่อเนื่องและไม่ชัดเจน

“รัฐบาลมีผลงานเยอะจริงเพราะทำรอบด้านและทำทุกประเด็น แต่ถามว่าทำให้การศึกษาเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ในความรู้สึกของประชาชนยังรู้สึกว่าการศึกษาไม่เปลี่ยนแปลง ที่เห็นชัดมีแค่เรื่องใช้มาตรา 44 แก้ไขปัญหาทุจริต แต่เรื่องอื่นยังต้องขับเคลื่อนและต้องทำให้เร็วมากกว่านี้ การศึกษาบ้านเราล้มลุกคลุกคลานมานาน คนต้องการเห็นการผ่าตัดรุนแรงและการกล้าตัดสินใจที่มีน้ำหนักมากกว่านี้ แต่นโยบายที่ผ่านมาลอยๆ ดูดีแต่ขาดเนื้องานที่คมชัดและโดนความรู้สึกของประชาชน คือไม่ตอบโจทย์ประชาชนที่เฝ้ามองและอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง” นายสมพงษ์ กล่าว

นายสมพงษ์ กล่าวต่อว่า แทนที่จะทำทั้ง 6 นโยบาย 31 โครงการ ในขณะที่รัฐบาลมีเวลาน้อยลง ฉะนั้นควรคัดเฉพาะเรื่องเด่นๆ และที่จำเป็นเร่งด่วน มาดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในกรอบเวลาที่เหลืออยู่ 1 ปี -1 ปีครึ่งของรัฐบาล เช่น เร่งผลักดันกฎหมายเกี่ยวกับการศึกษา ผลักดันแผนการศึกษาชาติ 15 ปี ปฏิรูปหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานและการจัดการเรียนการสอน ซึ่งหลักสูตรและแนวทางการสอนปัจจุบันเหมือนจะยื้อระหว่างโลกเก่าและโลกใหม่ เช่น การสอนวิชาประวัติศาสตร์ การให้ท่องอาขยาน ผมไม่ได้ต่อต้าน หรือบอกว่าไม่ดี แต่ว่าไม่สอดคล้องกับสะเต็มศึกษา การกลับไปสู่วิธีโบราณดังกล่าว ต้องตอบให้ได้ด้วยในแง่คุณค่าและตอบให้ได้ว่าตอบโจทย์โลกปัจจุบันของเด็กยุคดิจิตอลอย่างไร หลักสูตรปัจจุบันมีลักษณะอนุรักษ์นิยมและโบราณสูงถึง 60-70% ซึ่งจะตอบโจทย์นโยบายไทยแลน์ 4.0 ได้ไม่เต็มที่

นายอดิศร เนาวนนท์ คณบดีบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏ(มรภ.) นครราชสีมาอดีตประธานคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(อ.ก.ค.ศ.) เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 7 กล่าวว่า รัฐบาลโดยพล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) มีความตั้งใจ มุ่งมั่นและเข้าใจเรื่องการศึกษา วัฒนธรรมการศึกษาและธรรมชาติของการศึกษาสูงมาก แต่ผลงานยังไม่เกิด ฉะนั้นส่วนตัวจึงให้คะแนนด้านผลงาน 6 คะแนนจากคะแนนเต็ม 10 คะแนน รัฐบาลทำหลายเรื่อง สะเปะสะปะเกินไป รูปธรรมที่ชัดเจนจึงยังไม่เกิด อย่างเรื่องลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ ซึ่งรัฐบาลชี้แจงว่าประสบความสำเร็จ ถ้าไปถามครูในพื้นที่ โดยไม่เอาตามรายงานของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) ครูทุกคนจะตอบตรงกันว่าเป็นการเพิ่มเวลาเรียน ไม่ใช่ลดเวลาเรียนแม้ว่าจะเอาชั่วโมงเรียนไปจัดกิจกรรมก็ตาม สาเหตุที่ไม่สำเร็จทั้งที่หลักการดีมาก ก็เพราะยังไม่มีการปรับหลักสูตร ส่วนเรื่องเกลี่ยครู เป็นเรื่องที่ยังทำไม่ได้เลย บทบาทของคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด(กศจ.) ทำหน้าที่อยู่เรื่องเดียวคือการบริหารงานบุคคล แต่งานบูรณาการ ยังไม่เกิด

นายอดิศร กล่าวด้วยว่า ส่วนการปรับให้ผู้ที่จบสาขาอื่นที่ไม่ใช่คณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ สามารถมาสอบเป็นครูผู้ช่วยโดยที่ยังไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูซึ่งถือเป็นนวัตกรรมใหม่ในการผลิตครูนั้น ถือเป็นเรื่องดีโดยเฉพาะการปรับมาให้สอบแค่เรื่องการคิด ภาษาอังกฤษและภาษาไทยจากเดิมที่สอบมากมาย แต่ปัญหาคือไม่มีโครงการเตรียมความพร้อมก่อนการสอนซึ่งจะเป็นปัญหาเมื่อเข้าไปสอนแล้ว จะทำแผนการสอนไม่เป็น ส่วนด้านทุจริต อาจเพราะอยู่ภายใต้กฎหมายที่เข้มข้นเคร่งครัด การทุจริตเลยไม่ปรากฏชัดเจนในส่วนบน แต่การโยกย้ายผู้บริหารสถานศึกษา ยังมีการวิ่งเต้นโยกย้ายในระดับเขตพื้นที่ฯ ด้านอุดมศึกษา การนำมาตรา 44 ไปแก้ไขปัญหาทุจริตและธรรมาภิบาลในบางมหาวิทยาลัยนั้น ยังไม่ได้ผลเพราะปัญหามหาวิทยาลัยมีมากมาย ส่วนด้านอาชีวศึกษาที่มีจุดเน้นให้เด็กหันมาเรียนสายอาชีวะมากขึ้นนั้น ถือว่าเดินมาถูกทางแต่ยังไม่เห็นรูปที่ชัดเจน

นายอดิศร กล่าวต่อว่า ภายใต้ระยะเวลาที่เหลืออยู่ เพื่อให้เห็นรูปธรรมที่ชัดเจนของผลงาน ตนมองว่ารัฐบาลโดยศธ.ควรโฟกัสบางเรื่องที่มีผลกระทบต่อประเทศ เช่น ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน โฟกัสเรื่องการบริหารโรงเรียนขนาดเล็กให้เป็นโรงเรียนดีใกล้บ้าน ขับเคลื่อนหลักสูตรใหม่ออกมาให้ได้เพื่อรองรับการลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ การลดภาระงานของครู ด้านอาชีวศึกษา เปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อสายอาชีวะตั้งแต่ระดับประถมศึกษา ให้เด็กมีทัศนคติว่าเรียนอาชีวะแล้วรายได้ดีและจบแล้วมีงานทำแน่นอน ด้านอุดมศึกษา ผลักดันร่างพ.ร.บ.การอุดมศึกษา ร่างพ.ร.บ.บริหารงานบุคคลในสถาบันอุดมศึกษา ผลักดันแผนการศึกษาชาติ 15 ปี โดยเฉพาะเรื่องให้ครูเป็นพนักงาน ที่สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา(สกศ.)นำมาจากโมเดลของต่างประเทศที่มองว่าครูควรต้องมีความรับผิดชอบแต่ความเป็นข้าราชการทำให้ครูมองว่าถึงแม้ไม่ทำงานก็ยังไม่ถูกให้ออก จึงมีแนวคิดให้ครูเป็นพนักงาน ซึ่งแม้ว่าเลขาธิการ สกศ. จะออกมาชี้แจงว่าเรื่องดังกล่าวไม่อยู่ในแผนการศึกษาชาติแล้ว แต่ตนยังเชื่อว่าจะมีการหมกเม็ดอยู่ ซึ่งตนมองว่าเป็นแนวคิดที่ดีและจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อการศึกษาไทยแน่นอน แต่จะเกิดปัญหาว่าแล้วตำรวจและทหาร ทำไมถึงยังเป็นข้าราชการได้ ฉะนั้นแนวคิดให้ครูเป็นพนักงาน โดยหลักการ ดีแต่บริบท ทำไม่ได้

 

 

ขอบคุณที่มาจากมติชนออนไลน์ วันที่: 20 ก.ย. 59 เวลา: 14:23 น.


โพสเมื่อ : 20 ก.ย. 59   อ่าน 1468 ครั้ง      คำค้นหา :