"ณรงค์" เตรียมลงลึกสางปัญหาตั๋วครู

รมว.ศธ. เตรียมสางปัญหาใบประกอบวิชาชีพครู ย้ำเรื่องก่อตั้งคุรุสภาจังหวัดยังไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ชี้เขตพื้นที่ให้บริการครูได้สะดวกและทั่วถึงดีกว่า

วันนี้ (17 ต.ค.) พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมมอบนโยบายในการดำเนินงานแก่ผู้บริหาร และคณะกรรมการคุรุสภาว่า จากที่ได้พูดคุยและรับฟังการดำเนินงานของคุรุสภา พบว่าหลายเรื่องดีมีประโยชน์ แต่ก็มีหลายเรื่องที่ต้องได้รับการปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้ครูและบุคลากรทาง การศึกษาได้รับการดูแลให้ดีขึ้น ถ้าเรื่องใดติดขัดในแง่ของตัวบุคคล หรือระเบียบ ข้อกฏหมายก็ตามก็ต้องปรับปรุงแก้ไขกันต่อไป ส่วนการผลิตครูระบบปิดในโครงการต่างๆ นั้น เช่น โครงการคุรุทายาท เป็นต้น ในหลักการตนคิดว่าหากทำได้ก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ต้องดูให้รอบด้าน โดยเฉพาะการผลิตให้ตรงกับสาขาความต้องการอย่างแท้จริง รวมทั้งผลิตในจำนวนที่จำกัด เพราะคนที่จบมาจะได้รับการบรรจุ หากผลิตมากไปก็อาจจะส่งผลกระทบตามมาได้

"ที่ประชุมยังได้หารือกับทางคุรุสภาในเรื่องการออกใบประกอบวิชาชีพครู ซึ่งผมได้รับการร้องเรียน และเป็นข้อเรียกร้องเข้ามาพอสมควรว่าถ้าไม่ได้จบสายครุศาสตร์ ศึกษาศาสตร์จะมีโอกาสน้อยที่จะได้เข้ามาเป็นครูทั้งที่เป็นสาขาที่ขาดแคลน และบางคนมีความรู้ความสามารถและมีประสบการณ์ ซึ่งทางคุรุสภาได้รายงานให้ทราบว่ามีการแก้ไขปัญหาดังกล่าวไปบ้างแล้ว ส่วนการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบนั้นคงต้องมีการพูดคุยกันในรายละเอียดอีก ครั้ง" รมว.ศธ. กล่าว

พล.ร.อ.ณรงค์ กล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องการสรรหาผู้อำนวยการคุรุสภาจังหวัด หลังจากมีการร้องเรียนเรื่องความไม่โปร่งใสในขั้นตอนการสรรหา ขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งทางคุรุสภาก็พยายามอธิบายเหตุผลที่ต้องการกระจายอำนาจจากส่วนกลางลงไป แต่ละจังหวัด เพื่อต้องการบริการครูและบุคลากรทางการศึกษาได้สะดวกยิ่งขึ้น แต่โดยส่วนตัวตนเห็นว่าเรายังมีหนทางที่น่าจะสามารถอำนวยความสะดวกให้ครูได้ โดยผ่านทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ซึ่งเรามีมากถึง 225 เขตทั่วประเทศ ดังนั้นหากมองในเรื่องของความสะดวกในการให้บริการแน่นอนว่าการให้เขต พื้นที่ฯเป็นผู้รับผิดชอบดูแลน่าจะอำนวยความสะดวกให้ครูได้ดีกว่า เพราะกระจายอยู่ใกล้ครูมากกว่า อย่างไรก็ตามเมื่อมองเห็นแบบนี้แล้วก็คงต้องมาคุยกันในรายละเอียดว่ามีความ จำเป็นหรือไม่หากจะต้องมีการตั้งคุรุสภาจังหวัด กรรมการบางคนอาจจะมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วน แต่สำหรับตนคิดว่ายังไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนอะไร.

ที่มา เดลินิวส์ วันศุกร์ 17 ตุลาคม 2557 เวลา 18:04 น.