1.2 เด็กที่ออกจากระบบก่อน ม.6 ประมาณ 60%
เด็กกลุ่มนี้กลายเป็นเด็กที่ไร้การศึกษา
เพราะการศึกษาแบบหลักสูตรสําเร็จรูป การสอบแบบท่องจําเนื้อหาหรือวิธีคํานวณ
เป็นการเรียนเพื่อสอบและการเรียนเพื่อเรียนต่อ
การศึกษาอย่างนี้กลายเป็นเครื่องมือแบ่งคนออกเป็น 2 กลุ่ม
คือกลุ่มที่มีโอกาสและกลุ่มไร้โอกาส ระบบแบบนี้ทําให้เด็ก 60%
กลายเป็นคนขาดโอกาสที่จะพัฒนาชีวิตด้วยการศึกษา
ส่วนอีก 40% ที่เรียนต่อในระดับอุดมศึกษา ก็เรียนจบมาเจอสภาพตกงานปีละ 100,000 กว่าคน เพราะปัญหาคุณภาพอุดมศึกษา
1.3 เด็กที่เสียเปรียบจากความยากจน ถึงแม้จะได้เรียนฟรี
แต่เป็นการเรียนฟรีที่ไร้คุณภาพ การจะสอบแข่งขันเข้ามหาวิทยาลัยดี ๆ
(ที่รัฐจ่ายงบประมาณมาก ๆ) จึงเป็นไปได้ยากมาก นักเรียนในชนบท
รวมทั้งที่เรียนในเมือง แต่ไม่มีเงินกวดวิชา
แทบหมดโอกาสที่จะเข้าเรียนต่อในคณะและสาขาที่มีการแข่งขันสูง
เพราะการคัดเลือกเข้าเรียนต่อที่วัดผลด้านเดียว คือด้านการทําข้อสอบ
เด็กกลุ่มนี้จึงต้องกู้เงินจากกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.)
เพื่อเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเอกชน และมหาวิทยาลัยที่มีการแข่งขันต่ำ
ความหวังแค่ให้เรียนจบ
เพราะคิดว่าปริญญาจะเป็นใบเบิกทางสู่อาชีพการงานที่ดี
แต่ในสภาพจริง บัณฑิตจํานวนมากที่มีแค่ปริญญา แต่ขาดทักษะอนาคต
(21stCentury Skills) จะหางานทําได้ยากมากส่วนมากต้องไปทํางานอื่น ๆ
ซึ่งไม่ตรงกับสาขาที่เรียนมา เพราะสภาพแวดล้อมเปลี่ยนไป
ความต้องการคนทํางานเปลี่ยนไป แต่มหาวิทยาลัยยังคงสอนแบบเดิม ๆ
เปิดคณะสาขาแบบเดิม โดยไม่ใส่ใจกับโอกาสได้งานของบัณฑิต
บัณฑิตเหล่านี้เมื่อจบออกมาไม่มีงานทํา ไม่มีเงินใช้หนี้ ครบ 3 ปี
โดนหน่วยงานรัฐอย่าง กยศ.ฟ้อง กลายเป็นจําเลย
เป็นความเสียเปรียบซ้ำซ้อนของเด็กยากจน
1.4 เด็กที่ออกจากระบบโรงเรียน
เมื่อไปทํางานขาดโอกาสในการพัฒนาชีวิตและอาชีพของตัวเอง ทั้ง ๆ
ที่มีหน่วยงานและงบประมาณของกระทรวงศึกษาธิการที่สามารถนําวิชาความรู้ไป
ช่วยเขาได้ แต่ขาดแนวคิดและวิธีการจากหน่วยงานทางการศึกษาเหล่านั้น
การแก้ปัญหาเรื่องโอกาสในการเข้าถึงการศึกษา น่าจะเป็นสิ่งแรกที่ควรทํา
เพราะเมื่อทําแล้วจะมีครู ผู้ปกครองนักเรียนได้รับประโยชน์มาก
เป็นการทําเพื่อคนส่วนใหญ่ในประเทศ
แนวทางในการแก้ปัญหานี้ คือ
1. เปลี่ยนแปลงการจัดงบประมาณให้เป็นไปตามความจําเป็น (ไม่ใช่งบฯต่อรายหัว)
โรงเรียน มหาวิทยาลัยที่มีครบ ควรใช้งบประมาณจากรัฐน้อยลง
อีกทั้งยังมีหลายโรงเรียนที่น่าจะเลี้ยงตัวเองได้
เพื่อให้รัฐได้ใช้งบประมาณส่งไปให้โรงเรียน
มหาวิทยาลัยห่างไกลที่ยังต้องการงบฯลงทุนอีกมาก
2.พัฒนาส่งเสริมกองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาที่ผูกกับรายได้ในอนาคต
(กรอ.) กรอ.จะเป็นตัวช่วยให้เด็กทุกคนมีโอกาสได้เรียนในระดับอุดมศึกษา
เป็นการลงทุนเพื่อพัฒนาคนจริง ๆ ผู้กู้ในโครงการ
กรอ.นี้ต่างจากผู้กู้จากกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.)
คือเด็กที่กู้ กรอ.ถ้าเรียนจบปริญญาแล้วไม่มีงานทํา ไม่ต้องใช้หนี้คืน
และถ้ามีงานทําก็แค่เสียภาษีเพิ่มกว่าปกติเล็กน้อย เพื่อทยอยใช้หนี้
นอกจากนั้น กรอ.ยังช่วยกดดันมหาวิทยาลัยให้พัฒนาคุณภาพอีกด้วย
เพราะงบประมาณที่แต่เดิมจ่ายลงไปที่มหาวิทยาลัยจะถูกแบ่งมาจ่ายตรงที่ตัว
เด็กเหมือนเด็กถือคูปองเข้าไปเลือกซื้อ สาขาไหนที่ไม่พัฒนา
มหาวิทยาลัยที่ไม่ดูความต้องการของตลาดแรงงาน
รวมทั้งมหาวิทยาลัยที่ยังสอนด้วยวิธีที่ล้าหลังจะไม่มีเด็กสนใจไปเรียน
เมื่อไม่มีเด็กเรียนจะถูกกดดันให้พัฒนาคุณภาพ
กรอ.จึงเป็นแรงผลักให้คณะสาขานั้น ๆ ตื่นตัว เราลงทุนด้านวัตถุมามากแล้ว
เราควรจะลงทุนเรื่องการพัฒนาคนด้วย
ที่มา ประชาชาติธุรกิจ 15 ก.ย. 2557