เมื่อวันที่ 30 พ.ย. มูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาผู้สูงอายุไทย (มส.ผส.) ร่วมกับสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) จัดงาน “องค์ความรู้เพื่อการพัฒนา สูงอายุอย่างมีคุณค่าในบริบทไทย” ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส กล่าวในการปาฐกถาพิเศษเรื่อง “ประเทศไทยต้องเดินแบบไหน ถึงจะใช้ชีวิตสูงวัยได้อย่างมีคุณภาพ” ว่า สังคมเมืองต่างๆ รวมถึงประเทศไทย เป็นสังคมตัวใครตัวมันและเหลื่อมล้ำสุดๆ นำไปสู่ปัญหาเป็นลูกโซ่กระทบภาคส่วนต่างๆ เนื่องจากเป็นการพัฒนาและคิดแบบแยกส่วน ทั้งเศรษฐกิจ การศึกษา ที่ไม่ได้เอาชีวิตเป็นตัวตั้ง นำไปสู่การเสียสมดุลทุกมิติ แม้แต่ตัวมนุษย์ก็เสียสมดุลจนเกิดความเครียด ความทุกข์ ชีวิตก็ถูกทอดทิ้งโดยเฉพาะเด็กและผู้สูงอายุ การแยกส่วนทำให้ผู้สูงอายุพบกับภาวะความจน รู้สึกไม่มีประโยชน์ ถูกทอดทิ้งเปลี่ยวเหงา ได้รับบริการที่ไกลหรือแพงสุดๆ ทั้งที่ผู้สูงอายุมีคลังความรู้ประสบการณ์มากมายที่สามารถถ่ายทอดให้ผู้อื่น และเป็นประโยชน์ต่อครอบครัว ชุมชนได้
ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเวศกล่าวด้วยว่า ทำอย่างไรที่จะพัฒนาระบบการอยู่ร่วมกันอย่างสมดุล โดยรวมตัวร่วมคิดร่วมทำ มีความเป็นชุมชนที่สร้างความสุขในสังคม ในชนบทเรามี 8 หมื่นหมู่บ้าน 8 พันตำบล หากพัฒนาเป็นชุมชนเข้มแข็งจะส่งผลต่อคุณภาพชีวิตที่ดีสำหรับผู้สูงอายุ สิ่งเหล่านี้ต้องการวิจัยพัฒนา โดยให้มหาวิทยาลัยที่มีนักวิชาการ นักวิจัยจำนวนมากมาวิจัยเรื่องเหล่านี้ ลงไปทำงานในพื้นที่ชุมชน และขับเคลื่อนนโยบายเชิงระบบการจัดการ รวมถึงนำนิสิตนักศึกษาไปเป็นอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุ เด็ก ช่วยเหลือคนจน เป็นพื้นที่เรียนรู้ที่เชื่อมโยงกับชีวิต ไม่ใช่เน้นแต่วิชาการ หากมหาวิทยาลัยและนิสิตนักศึกษาช่วยกันขับเคลื่อนเชิงระบบการจัดการ จะเป็นปัญญานำพาชาติออกจากวิกฤติ
ด้าน ศ.ดร.วรเวศม์ สุวรรณระดา จากคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า แหล่งรายได้ผู้สูงอายุก่อนเกิดโควิด-19 ผู้สูงอายุร้อยละ 40 ยังมีรายได้จากการทำงานทั้งอาชีพส่วนตัว เกษตรกร รับจ้าง และร้อยละ 80 ได้รับเงินจากลูกหลาน แต่พอเกิดโควิด-19 จำนวนครึ่งหนึ่งรายได้จากการทำงานหายไป แถมรายได้จากลูกหลานก็หายไป กลุ่มนี้จึงได้รับผลกระทบมาก ต้องอาศัยเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแม้ไม่มากแต่ก็ยังช่วยต่อสภาพคล่อง ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของระบบบำเหน็จบำนาญ และสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ ซึ่งระบบบ้านเราก็ยังลุ่มๆดอนๆ.
ที่มา : นสพ.ไทยรัฐ