คลี่ตารางชีวิตครูไทยใน 1 ปี เสียงสะท้อนจากครูที่นักปฏิรูปต้องฟัง
เปิดตารางชีวิตครู
ไทยใน 1 ปี พบกิจกรรมภายนอกกระทบการสอนของครูถึง 84 วัน หรือ 42%
ชี้“การประเมิน-แข่งขันทางวิชาการ-การอบรม”
ดึงเวลาครูออกจากห้องเรียนสูงสุด ด้านนักวิชาการชี้ผลสำรวจ 5
ประเทศพบครูถูกดึงเวลาสอนเพียง 30% กระทบผลการเรียนของเด็ก
พบเสียงสะท้อนขอคืนครูสู่ห้องเรียน แฉถูกเรียกสินบนในการประเมิน
แนะรัฐบาล-ศธ.-เขตพื้นที่ ทบทวนกิจกรรมไม่ส่งผลการเรียนรู้ถึงเด็ก
ด้านที่ปรึกษารมว.ศธ.ชี้ของขวัญปีใหม่ จากข่าว •ผลสำรวจ ชี้ ครูไทย ทิ้งเวลาเกือบครึ่งไปกับการประเมินผล วันนี้ครูบ้านนอกดอทคอม ขอนำเสนอรายละเอียดนี้อีกครั้งหนึ่งพร้อมภาพ Info Graphics และเอกสารประกอบ ที่ทาง สสค. ได้จัดทำดังนี้ครับ
เปิดตารางชีวิตครูไทยใน 1 ปี
พบกิจกรรมภายนอกกระทบการสอนของครูถึง 84 วัน หรือ 42%
ชี้“การประเมิน-แข่งขันทางวิชาการ-การอบรม”
ดึงเวลาครูออกจากห้องเรียนสูงสุด ด้านนักวิชาการชี้ผลสำรวจ 5
ประเทศพบครูถูกดึงเวลาสอนเพียง 30% กระทบผลการเรียนของเด็ก
พบเสียงสะท้อนขอคืนครูสู่ห้องเรียน แฉถูกเรียกสินบนในการประเมิน
แนะรัฐบาล-ศธ.-เขตพื้นที่ ทบทวนกิจกรรมไม่ส่งผลการเรียนรู้ถึงเด็ก
ด้านที่ปรึกษารมว.ศธ.ชี้ของขวัญปีใหม่ครูไทยต้องออกเป็นนโยบายปิดช่องงานที่
ไม่เกี่ยวกับการสอน
เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ที่อาคารไอบีเอ็ม
สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน(สสค.)
ได้มีการแถลงข่าว “คลี่ตารางชีวิตครูไทยใน 1 ปี
เสียงสะท้อนจากครูที่นักปฏิรูปต้องฟัง” โดยดร.ไกรยส ภัทราวาท
ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายเศรษฐศาสตร์การศึกษา สสค. กล่าวว่า
จากการสำรวจกิจกรรมภายนอกชั้นเรียนที่กระทบต่อการจัดการเรียนการสอนของครู
เพื่อสะท้อนสถานการณ์การทำงานของครูภายใต้ระบบการศึกษาไทยในปัจจุบัน
โดยได้ทำการสำรวจครูผู้ได้รับรางวัลครูสอนดีจากสสค.
ซึ่งมีอายุเฉลี่ยและวิทยฐานะสูงกว่าครูทั่วไป
กระจายตัวครอบคลุมโรงเรียนทุกสังกัดทั่วประเทศ จำนวน 427 ตัวอย่าง
ระหว่างวันที่ 15 ก.ย.-15 ต.ค.ที่ผ่านมาพบว่า ใน 1 ปี
มีจำนวนวันเปิดเรียนทั้งหมด 200 วัน
ครูต้องใช้เวลากับกิจกรรมภายนอกชั้นเรียนที่ไม่ใช่การจัดการเรียนการสอน
เฉพาะวันธรรมดาถึง 84 วัน หรือคิดเป็น 42%

คลิกเพื่อดูภาพขนาดเต็ม

คลิกเพื่อดูภาพขนาดเต็ม
ดร.ไกรยส กล่าวว่า
กิจกรรมนอกชั้นเรียนที่ไม่ใช่การสอนที่ครูต้องใช้เวลามากที่สุด 3
อันดับแรกคือ อันดับ 1 การประเมินของหน่วยงานภายนอกเฉลี่ย 43 วัน
ทั้งการประเมินโรงเรียน ประเมินครู และประเมินนักเรียน
โดยครูใช้เวลาไปกับการประเมินของหน่วยงานต้นสังกัดในโครงการต่างๆ 18 วัน
การประเมินของสถาบันทดสอบ 16 วัน และการประเมินของสมศ. 9 วัน ตามด้วยอันดับ
2 การแข่งขันทางวิชาการ 29 วัน และอันดับ 3 การอบรมจากหน่วยงานภายนอก 10
วัน โดยครูส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่า
กิจกรรมภายนอกชั้นเรียนที่ส่งผลดีต่อการเรียนการสอน ได้แก่
การแข่งขันทางวิชาการ การประเมินO-NET การอบรม และการประเมินการอ่าน
ส่วนกิจกรรมที่ครูส่วนใหญ่เห็นว่าส่งผลเสียต่อการเรียนการสอนคือ
การประเมินโรงเรียนโดยสมศ. การอบรม และการประเมินอื่นๆ
ซึ่งหน่วยงานประเมินที่ครูส่วนใหญ่อยากให้มีการปรับปรุงมากที่สุดคือ สมศ.
98% รองลงมาคือเขตพื้นที่ และสพฐ. 1.7%
โดยเสนอให้ปรับปรุงวิธีการประเมินที่เน้นผลลัพธ์ของเด็กมากกว่าเอกสารและลด
ภาระการประเมินลง
“เสียงสะท้อนของครูส่วนใหญ่ต้องการคืนครูสู่ห้องเรียนและลดภาระงานของครูที่
ไม่มีผลต่อการเรียนรู้ของเด็ก โดยลดภาระการประเมินด้านเอกสารลง
และควรจัดอบรมในเนื้อหาที่ครูต้องการในช่วงปิดภาคเรียนเท่านั้น
ที่น่าสนใจคือครูมากกว่า 90% เห็นว่า
หากโรงเรียนมีอิสระในการบริหารจัดการด้านวิชาการ
การบริหารงบประมาณและการบริหารบุคคลจะมีส่วนสำคัญต่อการจัดการเรียนการสอน
ของครู
โดยเงื่อนไขสำคัญของการกระจายอำนาจการบริหารจัดการเรียนการสอนให้ประสบผล
สำเร็จคือ การมีส่วนร่วมของครู คุณภาพของผู้บริหาร
การมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง ชุมชนและนักเรียน” ดร.ไกรยส กล่าว
รศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์ประจำคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
กล่าวว่า
เสียงสะท้อนของครูที่นักปฏิรูปต้องฟังจากผลสำรวจครูในประเทศของเรายัง
ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในระดับที่ดี
คือใช้เวลากับการสอนในชั้นเรียนเฉลี่ยอยู่ที่ 4 ชั่วโมง/วัน
แต่ครูกำลังถูกกดดันและเริ่มไม่มีความสุขเพราะภาระงานนอกห้องเรียนที่ดึง
เวลาครูออกไปถึง 42%
ซึ่งเป็นโจทย์ใหญ่ที่ต้องให้ความสนใจว่าเหตุใดคุณภาพการศึกษาถึงไม่ดีขึ้น
จากงานวิจัยขององค์กรเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ สหรัฐอเมริกา ในปี 2555
ได้ศึกษาเวลาของครูที่ใช้ในห้องเรียนของ 5 ประเทศได้แก่ เอธิโอเปีย
สาธารณรัฐกัวเตมาลา ฮอนดูรัส โมซัมบิก และเนปาล พบว่า
เมื่อครูถูกดึงออกนอกห้องเรียนที่ไม่เกี่ยวกับการสอนไป 20-30%
จะมีผลต่อการเรียนรู้ของเด็กอย่างมาก
โดยมีผลกระทบต่อโอกาสการเรียนรู้ของเด็ก
สมาธิของเด็กต่อเนื้อหาและผลคะแนนของเด็กลดลงอย่างเห็นได้ชัด
“กิจกรรมการประเมินภายนอกทั้งครู โรงเรียนและนักเรียนกว่า 20
โครงการที่ครูต้องใช้เวลาถึง 43 วันต่อปี
และยังมีเสียงสะท้อนจากครูว่ามีการเรียกรับสินบนจากการประเมิน
นอกจากนี้ยังมีภาระการทำเอกสาร การอบรม และงานสัมมนา ทำให้งานสอนมีแค่ 1 ใน
4 เท่านั้น รัฐบาล กระทรวงศึกษา
และเขตพื้นที่จึงไม่ควรสร้างภาระงานที่กระทบต่อการสอน
ต้องทบทวนว่ากิจกรรมเหล่านี้เกิดประโยชน์ไปถึงตัวเด็กหรือไม่
ผลการประเมินเหล่านี้ถูกนำกลับไปใช้พัฒนาการสอนของครูให้ดีขึ้นหรือไม่”
รศ.ดร.สมพงษ์ กล่าว
ดร.อมรวิชช์ นาครทรรพ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ
และผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการกล่าวว่าปัญหาการศึกษา
ไทยในยุคคสช.จะสำเร็จได้ต้องมุ่งแก้ไขใน 3 ประเด็น ดังนี้ 1)
ปรับกฎหมายคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.)
เพื่อไม่ให้ครูยึดติดกับการทำผลงานเพิ่มวิทยฐานะ 2)
ปรับการประเมินผลของสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.)
โดยต้องปรับบทบาทและทบทวนตัวเองใน 3 ประเด็นหลัก คือ 1)
มาตรฐานตัวชี้วัดที่ไม่สะท้อนคุณภาพจริง 2) มาตรฐานผู้ประเมินที่ยังลักลั่น
และ 3) ภาระงานเอกสาร ก่อนมีการประเมินรอบ 4 และ 3)
ปรับวิธีการสอบของสำนักทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.)
ให้เน้นที่กระตุ้นพัฒนาการของเด็ก
มิใช่การสอบระดับชาติที่ใช้ข้อสอบเพียงชุดเดียววัดผลเด็ก
“เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ที่ต้องการกระจายอำนาจไปสู่พื้นที่ให้มาก
และที่สำคัญจะต้องมีการสร้างกลไกระดับชาติเพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนอย่าง
ต่อเนื่องอย่างน้อย 10 ปี
ฉะนั้นจึงจำเป็นต้องมีกฎหมายรองรับกระบวนการปฏิรูป
โดยได้มีการเสนอผ่านสภาปฏิรูป
ผมจึงมั่นใจว่าไม่มีจังหวะใดที่จะมีความหวังในการปฏิรูปการศึกษาได้เท่าขณะ
นี้
ข้อมูลสสค.จึงเป็นประโยชน์ในการตั้งโจทย์ปฏิรูประบบการศึกษาครั้งใหม่ที่มี
โจทย์ร่วมของทุกกระทรวงไม่เพียงแต่ สปช.-สนช.-ศธ.เท่านั้น
เพราะทิศทางใหม่ของการศึกษาจะเป็นเรื่องการพัฒนาคนที่ต้องทำร่วมกัน”
นายอาคม สมพามา ตัวแทนครูสอนดี โรงเรียนสายธรรมจันทร์ จ.ราชบุรี กล่าวว่า
“รางวัลของเด็กคือ การได้มีครูอยู่ในห้องเรียน ผมจึงขอคืนเวลา 84
ชม.ให้กับเด็กนักเรียน
และเห็นว่าควรมีการรื้อการประเมินรูปแบบวิทยาฐานะใหม่ที่มุ่งสู่การพัฒนา
เด็กมากกว่าการผลประโยชน์ที่ครูได้รับ
ดีใจที่สปช.จะเร่งแก้กฎหมายให้ปรับระบบการประเมินวิทยฐานะเพื่อให้ครูได้มี
โอกาสอยู่ในห้องเรียนเพิ่มขึ้น”
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
|
โพสเมื่อ :
16 ธ.ค. 57
อ่าน 1760 ครั้ง คำค้นหา :
|
|