บทบาทอาชีวะในอาเซียน 10 ชาติ ต้องโตไปพร้อมกัน
|
พลพิบูล เพ็งแจ่ม พูดถึงการรวมตัวของ 10 ชาติอาเซียน เป็นประชาคมอาเซียนในปี 2558 บางคนอาจ มองว่าจะทำให้เกิดสถานการณ์ของ การแก่งแย่งแข่งขัน ใครแข็งแรงกว่าก็ได้เปรียบ ใครอ่อนแอก็ต้องก้มหน้ารับกรรม แต่สำหรับอาชีวะของไทย ที่มีหัวขบวนอย่าง ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(กอศ.) กลับมองว่าเป็นสถานการณ์ของ ความร่วมมือ เพื่อสร้างความเข้มแข็งร่วมกันมากกว่า จึงได้เข้าไปมีบทบาทในการให้โอกาสทางการศึกษาและพัฒนาวิชาชีพในหลายประเทศอาเซียน อาทิ ลาว เวียดนาม กัมพูชา รวมถึงเมียนมา สำหรับโครงการความร่วมมือเพื่อขยายโอกาสทางการศึกษาและพัฒนาวิชาชีพให้แก่ผู้ด้อยโอกาส ผู้ยากไร้ ผู้พิการ ผู้บกพร่องทางกายและการเรียนรู้ และชนกลุ่มน้อย ก็เป็นอีกหนึ่งโครงการที่สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) เข้าไป ร่วมดำเนินการกับองค์กรที่ไม่หวังผลกำไร 2 องค์กร ได้แก่ ACTED และ ADDRA Thailand ในการจัดฝึกอบรมอาชีพให้แก่ผู้พักพิงในศูนย์อพยพในจังหวัดตาก ราชบุรี แม่ฮ่องสอนและกาญจนบุรี เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและสร้างอนาคตที่ดีกว่า เมื่อได้กลับไปดำรงชีวิตในประเทศบ้านเกิดในอนาคต การช่วยพัฒนาแรงงานเหล่านั้น อย่างน้อยเราก็ได้สร้างสัมพันธภาพที่ดี ได้เพื่อนบ้านที่ดี อีกทั้งการพัฒนาทักษะฝีมือให้แก่แรงงานในอนาคตจะมองแค่เป็นแรงงานของชาติใดชาติหนึ่งไม่ได้แล้ว แต่ต้องมองว่าแรงงานเหล่านั้นคือ แรงงานของอาเซียน ดังนั้นอาชีวะของอาเซียนต้องพัฒนาไปพร้อมกันทั้งภูมิภาค ถ้าทุกประเทศมีแรงงานฝีมือจำนวนมาก ก็จะไม่แย่งงานกัน เมื่อแรงงานมีคุณภาพ ทุกชาติจะได้ประโยชน์ร่วมกัน รวมถึงประเทศไทยด้วย ดร.ชัยพฤกษ์ ให้มุมมอง นอกจากการฝึกอบรมอาชีพให้แก่ผู้พักพิงในศูนย์อพยพแล้ว ทางสอศ.ยังพร้อมเข้าไปช่วยพัฒนาการจัดการเรียนการสอนหลักสูตรอาชีวะให้แก่เมียนมา อีกด้วย ซึ่งในการเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่มีดร.กิตติ ลิ่มสกุล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ เป็นหัวหน้า คณะ ทีมอาชีวะของไทยได้ร่วมหารือกับคณะผู้บริหารระดับรัฐมนตรีจากกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและกระทรวงแรงงานของเมียนมา เกี่ยวกับความร่วมมือในการพัฒนาการจัดอาชีวศึกษา ทำให้ภาพของความร่วมมือด้านการอาชีวศึกษาระหว่างสองชาติมีความชัดเจนยิ่งขึ้น ดร.ชัยพฤกษ์ บอกว่า ที่ประชุมได้มีการหารือในประเด็นสำคัญ 3 เรื่อง คือ 1. การฝึกอบรมวิชาชีพให้แก่ผู้พักพิงในศูนย์อพยพ 2. การยกระดับการจัดอาชีวศึกษาของเมียนมา และ 3. การวางแผนระยะยาวในการเตรียมแรงงานเมื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ซึ่งในส่วนของการอบรมวิชาชีพให้แก่ผู้อพยพ ทางสอศ.ได้ดำเนินการไปแล้ว 1 รุ่น โดยคัดเลือกผู้อพยพที่มีความพร้อมจำนวน 10 คนเข้ามารับการอบรมเป็นแกนนำวิชาชีพ โดยใช้หลักสูตร 150 ชั่วโมง อบรมแบบเข้มข้นในเวลาเดือนเศษ เน้นการฝึกปฏิบัติหลังจากนั้นแกนนำจะไปขยายผลการอบรมให้แก่เพื่อนผู้อพยพ โดยตั้งเป้าหมายให้ได้ 1,400 คน ทั้งนี้สาขาที่เปิดสอนได้มีการวิเคราะห์แล้วว่าเป็นความต้องการของผู้เรียนและมีโอกาสในการประกอบอาชีพ อาทิ ช่างซ่อมมอเตอร์ไซค์ ทำขนม ทำผม ตัดเย็บเสื้อผ้า เป็นต้น ผู้ผ่านการอบรมจะได้รับวุฒิบัตรจากสอศ.แต่ก็มีการเรียกร้องอยากได้อีกใบหนึ่งที่สามารถนำไปใช้ในเมียนมาได้ ผมจึงหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาหารือ ซึ่งก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร เพราะตามเกณฑ์มาตรฐานของเมียนมา กำหนดไว้เพียง 90 ชั่วโมงเท่านั้น แต่หลักสูตรของเราต้องอบรมถึง 150 ชั่วโมง อีกทั้งในเชิงสมรรถนะก็ยิ่งไม่มีปัญหาเพราะเน้นการฝึกปฏิบัติอยู่แล้ว สำหรับประเด็นการยกระดับการจัดอาชีวศึกษาของเมียนมา ต่อไปจะร่วมกันพัฒนาหลักสูตร พัฒนาการจัดการเรียนการสอน รวมถึงมีการแลกเปลี่ยนอาจารย์และนักศึกษา แต่ในเบื้องต้นทางเมียนมาจะไปสำรวจหาข้อมูลที่ชัดเจนให้ได้ก่อนเกี่ยวกับความต้องการกำลังคนของตลาดแรงงาน ส่วนการทำแผนระยะยาวในการเตรียมแรงงานนั้น เคยมีการศึกษาวิจัยของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนาพบว่าเมื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ทั้งไทยและเมียนมาจะต้องการแรงงานฝีมือเพิ่มอีกนับล้านคน จึงถือเป็นโจทย์ใหญ่ที่จะต้องหารือกันต่อไป ดร. ชัยพฤกษ์ กล่าว การจัดหลักสูตรอาชีวศึกษาของเมียนมาจะมีจุดเด่นที่ให้ความสำคัญกับเรื่องของสมรรถนะอาชีพอย่างมาก เน้นการฝึกปฏิบัติ แต่ปัจจุบันยังมีผู้เรียนอาชีวศึกษาจำนวนน้อยไม่ถึงร้อยละ 10 อีกทั้งในจำนวนผู้เรียนอาชีวศึกษาที่มีอยู่ก็เป็นเพศหญิงถึงร้อยละ 43 แล้วคุณภาพการอาชีวศึกษาของไทยอยู่ในระดับไหนจึงคิดจะไปช่วยคนอื่น ประเด็นนี้ เลขาธิการกอศ.ยืนยันว่า การจัดการเรียนการสอนหลักสูตรอาชีวะของไทยถือว่าอยู่ในอันดับต้น ๆ ของอาเซียน เป็นที่ยอมรับในระดับสากล จึงอยู่ในสถานะที่สามารถถ่ายทอดเทคโนโลยีให้แก่เพื่อนบ้านได้ ผมยังคิดว่าเราน่าจะเป็นศูนย์กลาง หรือ ฮับ (HUB) ด้านอาชีวศึกษาของอาเซียนได้ ซึ่งคงจะนำเรื่องนี้ไปคุยกับทางองค์การรัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ ซีมีโอ (Southeast Asian Ministers of Education Organization : SEAMEO) ต่อไป เลขาธิการ กอศ.กล่าวอย่างมั่นใจ เพราะอาชีวะจะเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของทุกชาติอาเซียน จึงควรจะต้องร่วมมือช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ใครแข็งแรงกว่าหรือเก่งกว่าในเรื่องใดก็ต้องช่วยเหลือผู้ที่ยังอ่อนด้อยกว่า เรียกได้ว่า อาชีวะของทุกชาติอาเซียนจะต้องพัฒนาและเติบโตไปอย่างทัดเทียมกัน จึงจะทำให้ทั้งภูมิภาคมีความเข้มแข็ง สมตามเจตนารมณ์ของการเป็นประชาคมอาเซียนอย่างแท้จริง.
--เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 18 ต.ค. 2556 (กรอบบ่าย)-- |
|
โพสเมื่อ :
17 ต.ค. 56
อ่าน 1819 ครั้ง คำค้นหา :
|
| |