ศธ.เตรียมชง ครม.บรรเทาทุกข์ครูหนี้วิกฤต-ถูกหลอกทำประกันเงินกู้ช.พ.ค.
กลุ่มครูหนี้วิกฤต ตบเท้าเข้าพบ ปลัด ศธ.
วอนติดตามช่วยสางหนี้เงินกู้กองทุนหมุนเวียนของ ก.ค.ศ. และหนี้ ช.พ.ค.
รวมถึงเยียวยากรณีถูกหลอกทำประกัน ระบุมีครูหลงกลลงทุนไปเกือบ 2 แสนคน
“กำจร”
เผยครูอ้างที่เซ็นสัญญาโดยไม่อ่านเพราะหลงเชื่อผู้มาเสนอโครงการจึงคิดว่า
ไม่เกิดปัญหา ระบุการแก้ปัญหาต้องยืมมือ คปถ.และสภาทนายความเข้ามาช่วยเหลือ
พร้อมเตรียมชงมาตรการแก้ไขและบรรเทาปัญหาหนี้สินเข้า ครม.
โดยกำหนดมาตรการระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว
วันนี้ (12 พ.ค.) ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)
กลุ่มครูและบุคลากรทางการศึกษาที่เป็นหนี้สินวิกฤต กว่า 50 คน
ได้ยื่นแถลงการณ์ข้อเรียกร้องพร้อมข้อเสนอแนะวิธีแก้ไขปัญหาหนี้สินครูที่
วิกฤตเร่งด่วน ต่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านทาง
รศ.นพ.กำจร ตติยกวี ปลัด ศธ. โดย รศ.นพ.กำจร กล่าวภายหลัง ว่า
กล่มครูฯที่มาติดตามเรื่องหนี้สินครูซึ่งได้เคยร้องเรียนต่อนายกฯมาแล้ว รวม
ถึงกรณีถูกหลอกจนเกิดความเข้าใจไม่ถูกต้องโดยเฉพาะเรื่องการประกันภัย
ซึ่งเป็นเงื่อนไขในการกู้โครงการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากร
ทางการศึกษา (ช.พ.ค.) ซึ่งในเรื่องหนี้สินครูนั้นนายกฯ
มีบัญชาที่จะให้ความช่วยเหลือจึงมาติดตามการแก้ไขปัญหา ทั้งนี้
คณะทำงานของนายกฯได้ประสานมายังตนให้ช่วยดูแล โดยตนได้ชี้แจงไปว่าขณะนี้
ศธ.กำลังดำเนินการอยู่โดยบางเรื่องจะต้องเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี
(ครม.) ซึ่งเป็นมาตรการแก้ปัญหาทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว
เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน อาทิ การพักหนี้
การหาเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำที่มีเงื่อนไขว่าต้องไปทดแทนหนี้เดิมไม่ใช่การสร้าง
หนี้ใหม่
อย่างไรก็ตาม กรณีการประกันภัยที่เป็นปัญหาอย่างมากเนื่องจากมีผู้ลงทุนเกือบ 2 แสนคน
อาจจะต้องหารือกับหน่วยงานของรัฐรวมทั้งขอความเห็นใจจากหน่วยงานที่รับเงิน
ไป ให้ช่วยพิจารณาหากผู้เอาประกันไม่มีความประสงค์หรือเข้าใจผิด
ก็ต้องหาทางเยียวยาหรือเวนคืนไปบ้างเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน
เพราะหากเป็นการเข้าร่วมโดยการถูกหลอกก็ต้องเห็นใจ
แต่ถ้าบริษัทผู้รับประกันไม่ได้เป็นผู้หลอกเองแต่เป็นการเข้าใจผิดก็ต้องดู
ว่ามีทางออกอย่างไร
ซึ่งเรื่องนี้ต้องอาศัยสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจ
ประกันภัย (คปภ.) และสภาทนายความเข้าไปช่วยเหลือ
“เรื่องที่ครูรู้สึกคับแค้นใจมากก็คือเวลามีการตั้งคำถามว่า
ทำไมถึงเซ็นทำสัญญาไปโดยไม่อ่านรายละเอียด
ซึ่งครูก็บอกว่าเพราะผู้ที่มานำเสนอโครงการเป็นคนที่น่าเชื่อถือ
และเมื่อเห็นว่ามีครูอาวุโสเซ็นก็เลยเชื่อว่าน่าจะปลอดภัยก็เซ็นตามๆกันไป
โดยไม่ได้ดูรายละเอียดจึงถูกเอารัดเอาเปรียบ
ซึ่งเรื่องลักษณะนี้เกิดขึ้นในทุกสังคม อย่างไรก็ตาม
ผมเห็นว่าหากยึดเอาตามลายลักษณ์อักษรในสัญญาคงได้คืนลำบากยจำเป็นต้องอาศัย
คปภ.และสภาทนายความช่วยดูแล สำหรับเรื่องหนี้สินครู
ในส่วนที่มาจากกองทุหมุนเวียนเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินครู
ที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
(ก.ค.ศ.)ดูแลอยู่นั้น
ผมก็รับปากว่าจะรีบเข้าไปพิจารณาหากอยู่ในอำนาจที่ปลัด
ศธ.สามารถอนุมัติได้ก็จะรีบดำเนินการให้ ส่วนที่กู้จากโครงการกู้
เงิน ช.พ.ค.และกองทุนพัฒนาชีวิตครูของ สกสค.นั้นเวลานี้ยังโกลาหลอยู่
เพราะมีปัญหาความไม่ชอบมาพากลของทรัพย์สิน การได้มาซึ่งทรัพย์สิน
และเงินที่ได้จากดอกเบี้ยเงินกู้ ซึ่งต้องมีการแจกแจงให้ถูกต้องเสียก่อน
หากอะไรที่ได้มาโดยมิชอบก็จะคืนให้สมาชิก
ซึ่งมีข้อร้องเรียนว่ามีการจ่ายเงิน
ช.พ.ค.ล่วงหน้าที่ไม่เคยปฏิบัติในหน่วยงานอื่น
หากพิจารณาแล้วไม่เป็นไปตามลักษณะที่ควรจะเป็นก็ต้องคืนให้กับครูไป
เพื่อเยียวยาความเดือดร้อนของครูไปก่อน
ส่วนกรณีครูเสียชีวิตแล้วยังไม่ได้รับเงิน
ช.พ.ค.ก็ต้องกลับไปตรวจสอบว่ามีรายอื่นอีกหรือไม่
และเป็นความบพร่องของใครเพื่อจะได้แก้ไข”รศ.นพ.กำจร กล่าว
ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 พฤษภาคม 2558 |
โพสเมื่อ :
13 พ.ค. 58
อ่าน 1448 ครั้ง คำค้นหา :
|
|