เลาะเลียบคลองผดุงฯ
ตุลย์ ณ ราชดำเนิน [email protected]
ทันทีที่ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รมว.กระทรวงศึกษาธิการ และคณะ
ได้เข้าไปทำงานวันแรก เมื่อวันศุกร์สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ได้มอบนโยบายการศึกษาแก่ ผู้บริหารองค์กรหลักทั้งห้าแท่ง แบ่งเป็น 5
นโยบายทั่วไป 7 นโยบายเฉพาะ และ 10 นโยบายเร่งด่วน ที่จะต้องทำในปีงบ 2558
โดยเฉพาะสิ่งที่เป็นนโยบายเร่งด่วน 10 ข้อ นั้น ที่ผู้บริหารศธ.
ต้องเร่งดำเนินการให้เห็นผลเป็นรูปธรรมภายใน 3 เดือน แม้ไม่ได้บอกว่า
หากใครทำไม่ได้จะเกิดอะไรขึ้น หรือได้รับผลอย่างไร คงต้องตามดู
หยิบยกให้เห็นประเด็นหลักที่เป็นปัญหาค้างท่อรอล้างมานาน
อย่างเช่นการแก้ไขปัญหาความรุนแรง และเหตุทะเลาะวิวาทของนักศึกษาอาชีวศึกษา
ต้องไม่มีและต้องลดลงภายใน 3 เดือน
เร่งสร้างค่านิยม ปรับภาพลักษณ์ และหาแรงจูงใจให้พ่อแม่และผู้ปกครอง
ยินดีส่งเสริมให้บุตรหลานเข้าเรียนในสายอาชีพเพิ่มมากขึ้น
ไปจนถึงเร่งขยายบทบาทของภาคเอกชนในการมีส่วนร่วมในระบบการศึกษา
และรับเข้าทำงานหลังสำเร็จการศึกษา นี่คืองานหินทีเดียว
ไม่เว้นแม้ทบทวนมาตรการกิจกรรมรับน้องของนักเรียน นักศึกษา
ในสถาบันการศึกษาต่างๆ ต้องกำหนดมาตรการติดตาม
ควบคุมการลักลอบการจัดกิจกรรมรับน้องทั้งภายในและภายนอกสถาบันการศึกษา
ส่วนการทบทวนหลักสูตร การเรียนการสอน เพื่อให้ผู้เรียนมีเวลาทำกิจกรรม
พัฒนาความรู้ ความสามารถ ปลูกฝังค่านิยมการมีคุณธรรม จริยธรรม สร้างวินัย
จิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคม การยึดมั่นในสถาบันหลักของชาติ
เพื่อความภาคภูมิใจในการเป็นคนไทย และปลูกฝังค่านิยม 12 ประการ คงไม่ยาก
รวมไปถึงการนำร่องรูปแบบการบริหารจัดการสถานศึกษาที่ดี
และผลักดันกฎหมายที่จะเป็นรากฐาน
และกลไกการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาระยะยาว ทบทวนการอุดหนุนรายหัว
ช่วยเหลือค่าอุปกรณ์การเรียนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ทั้งของภาครัฐและเอกชน ก็ไม่น่ามีอะไรที่ทำไม่ได้ แต่ปรับระบบการบรรจุครู
และการรับรองมาตรฐานวิชาชีพครู
ให้เอื้อต่อการเพิ่มโอกาสให้มีบุคลากรที่มีความรู้
และประสบการณ์ที่เหมาะสมเข้ามาในระบบการศึกษาเพิ่มมากขึ้น อาจจะมีงอนเล็กๆ
จากคุรุสภา
ส่วนการทบทวนมาตรการความปลอดภัย
เกี่ยวกับทัศนศึกษาและความปลอดภัยในการเดินทาง และเป็นหมู่คณะของนักเรียน
และบุคลากรทางการศึกษา มีแนวทางปฏิบัติอยู่แล้ว ขันนอตให้ตึงสักหน่อย
ก็คืนสภาพเดิม
ที่มา ข่าวสดออนไลน์ วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2557