บิ๊กอาชีวะหนุน ให้ปิดสถาบัน



แก้ปัญหานักศึกษาไล่ฆ่ากัน

ตำรวจคุมแก๊งนักศึกษาอุเทนโหดไล่ยิงอริต่างสถาบันฝากขังศาลอาญา พร้อมคัดค้านการประกันตัว ศาลพิจารณาแล้วอนุญาต ตามคำร้อง ขณะเดียวกัน บิ๊กอาชีวะสนองบัญชา นายกฯ จากนี้ให้ปิดสถาบันก่อเหตุระหว่างการสอบสวน ส่วนจาตุรนต์ ฉายแสง อดีต รมว.ศึกษาฯ ติงปิดไปก็แก้ปัญหาไม่ได้ ซ้ำยังส่งผลกระทบสถานศึกษาและนักเรียนคนอื่นๆที่ไม่ได้มีปัญหาอีกมาก

ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน บช.น.ตามจับกุม 6 นศ.มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย ร่วมกันตั้งขบวนการโหดก่อเหตุไล่ล่าฆ่านักศึกษาคู่อริ สถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน เพราะแค้นที่นักศึกษาหญิงร่วมสถาบันถูกยิงเสียชีวิต ตำรวจยังจับกุมคนร้ายไม่ได้ และเข้าใจว่าสถาบันคู่อริดังกล่าวอยู่เบื้องหลัง โดยไล่ยิงนายพชร กัมพลาสิริ อายุ 21 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ เสียชีวิตย่านหัวหมาก อ้างเข้าใจผิดคิดว่าเป็นนักศึกษาสถาบันคู่แค้น ก่อนไล่ยิงทะลุหมวกกันน็อกนายพลวัต จันทร์วิเศษ และนายชิษณุพงศ์ ศรีคชา 2 นักศึกษาสถาบันเทคโนโลยีปทุมวันตายสยอง ใกล้สถานีรถไฟบางซื่อ หลังจากการคลี่คลายคดี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์เฉียบขาดว่า หากสถานศึกษาใดก่อเหตุอีก จะปิดสถานศึกษาหรือคณะวิชานั้น จนกว่าจะสอบสวนข้อเท็จจริงเสร็จตามที่เสนอข่าวไปนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด ตำรวจนำ 6 นศ.โหดฝากขัง แล้ว โดยเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 18 ก.ย. ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ร.ต.ท.อดุลย์ ชุมไชโย พนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก นำตัว 6 นักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย ผู้ต้องหาคดีฆ่านายพชร กัมพลาสิริ อายุ 21 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ ประกอบด้วยนายกบินทร์ จิโรจน์มนตรี อายุ 20 ปี นายปัญญา เขมวัชรเลิศ อายุ 19 ปี นายอรรถพล ยี่แม่นยิง อายุ 20 ปี นายจิรายุธ สุวรรณโชติ อายุ 20 ปี นายณัฐกร กรรมแต่ง อายุ 24 ปี และนายจิตรดิลก อุ้มชู อายุ 21 ปี มายื่นคำร้องขออำนาจศาลฝากขัง

คำร้องบรรยายว่า เมื่อวันที่ 18 ก.ย.57 พนักงานสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ร่วมกันจับตัวผู้ต้องหาทั้ง 6 คนไว้ดำเนินคดี พร้อมอาวุธปืนของกลาง พฤติการณ์กล่าวคือ เมื่อวันที่ 31 ส.ค.57 ผู้ต้องหาทั้งหมดกลับจากงานศพนักศึกษาหญิงรุ่นน้องที่ถูกยิงตาย วางแผนร่วมกันจะฆ่านักศึกษาสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน เพื่อล้างแค้น ที่ห้องพักลินนิ่งเพลส ห้อง 310 ซอยคลองลำเจียก 3 แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม จากนั้นวันที่ 1 ก.ย.57 ผู้ต้องหาได้แบ่งหน้าที่กันทำ โดยนายปัญญาขี่ จยย. มีนายกบินทร์ ซ้อนท้าย ดักรอยิงผู้ตายที่ซอยรามคำแหง 103 มีนายจิรา นายจิตรดิลก กับพวกตามมาสมทบ แล้วพากันขี่ จยย.ไปยิงนายพชรจนถึงแก่ความตายที่ซอยรามคำแหง 107 ก่อนหลบหนี ต่อมาตำรวจตามจับกุมได้ทั้งหมด โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน นายณัฐกรกับนายจิตรดิลกให้การปฏิเสธ ที่เหลือรับสารภาพ พนักงานสอบสวนได้สอบสวนมาตลอด แต่ยังไม่เสร็จสิ้น ขออำนาจศาลฝากขังตั้งแต่วันที่ 18-29 ก.ย.57 รวม 12 วัน และขอค้านการประกันตัว ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตตามคำร้อง

ต่อมาเวลา 12.30 น. วันเดียวกัน ร.ต.ท.ทองพูล เวียงอินทร์ พนักงานสอบสวน สน.เตาปูน นำคำร้องขอฝากขังนายกบินทร์ นายปัญญา นายจิรายุทธ และนายอรรถพล ผู้ต้องหาในสำนวนแรก 4 คน และนายคมสัน ชูศิลป์ อายุ 25 ปี รวม 5 คน มาขออำนาจศาลฝากขังในคดียิงนายพลวัต จันทร์วิเศษ และนายชิษณุพงศ์ ศรีคชา 2 นักศึกษาสถาบันเทคโนโลยีปทุมวันตาย โดยคำร้องบรรยายว่า เมื่อวันที่ 12 ก.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่ผู้ตายทั้ง 2 ซ้อน จยย. ทะเบียน ขทก 291 ร้อยเอ็ด ที่ถนนเทอดดำริ มุ่งหน้า สถานีรถไฟบางซื่อ มีนายปัญญาและนายกบินทร์ 2 ผู้ต้องหาขี่ จยย.ตามมา ส่วนผู้ต้องหาคนอื่นคอยดูต้นทาง เมื่อถึงจุดเกิดเหตุ นายกบินทร์คนซ้อนท้ายใช้ปืนยิงผู้ตายที่ศีรษะ เสียชีวิตในที่เกิดเหตุทั้งสองคน ต่อมาตำรวจ สน.หัวหมาก จับกุมได้ในข้อหาคดีฆ่านักศึกษารายอื่น สอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ การกระทำเป็นความผิดฐานร่วมกันฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และ พ.ร.บ.อาวุธปืน พนักงานสอบสวนได้สอบสวนแล้วแต่ยังไม่เสร็จสิ้น ขอฝากขังระหว่างวันที่ 18-29 ก.ย.57 พร้อมขอค้านการประกันตัว ศาลพิจารณาอนุญาตตามคำร้อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการฝากขัง มีเพื่อนนักศึกษาสถาบันเดียวกับผู้ต้องหาประมาณเกือบร้อยคน มายืนเกาะลูกกรง และกำลังจะตั้งท่าร้องเพลงสถาบัน แต่มีรุ่นพี่มาปรามไว้ ส่วนความเคลื่อนไหวในการแก้ปัญหาคาราคาซังนี้ วันเดียวกัน นพ.กำจร ตติยกวี เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) เผยว่า ได้กำชับผู้บริหารทั้งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย และสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ให้ดูแลนักศึกษาตนเองอย่างเข้มงวด หากมีปัญหาอีกต้องสั่งปิดสถานศึกษานั้นตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี แม้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาจะไม่มีอำนาจ เพราะต้องให้สภามหาวิทยาลัยนั้นๆเป็นผู้ดำเนินการ แต่สามารถใช้คำสั่ง คสช.ได้ แต่คงเป็นการปิดชั่วคราวจนกว่าสังคมจะไว้วางใจ

ด้านนายปัญญา มินยง อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่เห็นความสำคัญในเรื่องนี้ซึ่งเรื้อรังมานาน และเห็นด้วยกับมาตรการสั่งปิดสถานศึกษาที่มีนักศึกษาตีกัน รวมถึงการลงโทษผู้บริหารหากไม่สามารถกำกับดูแลนักศึกษาสถาบันของตัวเองจนไป สร้างความเดือนร้อนให้แก่ผู้อื่น เพราะถือเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบ แต่อยากให้พิจารณาเป็นกรณีๆไป และควรปิดเฉพาะสถาบันที่เป็นผู้ก่อเหตุ ไม่ใช่สถาบันที่เป็นฝ่ายเดือดร้อน ขณะนี้สถาบันฯปทุมวันยังเปิดการเรียนการสอนปกติ ไม่ได้สั่งหยุดเรียน แต่ได้ประกาศให้นักศึกษาดูแลตัวเอง รวมถึงขอความร่วมมือไปยังศิษย์เก่าให้ช่วยสอดส่องดูแลนักศึกษาปัจจุบัน และไม่ให้เข้ามายั่วยุหรือสร้างความวุ่นวายให้กับสถาบันฯ

เช่นเดียวกับนายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) ที่กล่าวว่า สอศ.จะส่ง SMS แจ้งไปยังสถานศึกษาสังกัด สอศ.ทุกแห่ง ให้ซักซ้อมมาตรการป้องกันนักเรียนนักศึกษาก่อเหตุทะเลาะวิวาทในช่วงปิดภาค เรียน ยึดตามแนวทางนายกรัฐมนตรีที่ให้ปิดสถานศึกษาที่ก่อเหตุทันทีระหว่างสอบสวน ถือเป็นมาตรการป้องกันที่เข้มข้นขึ้น อย่างไรก็ตาม การสั่งปิดสถานศึกษาบางครั้งก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ถาวร เพราะนักเรียนกลุ่มเสี่ยงจะย้ายไปสถานศึกษาอื่นแทน แนวทางแก้ปัญหาเร่งด่วนคงต้องใช้แนวทางลงโทษนักเรียนอย่างเคร่งครัด มีโทษตั้งแต่ตักเตือน ภาคทัณฑ์ ตัดคะแนนความประพฤติ ปรับพฤติกรรม และโดยให้ไปเรียนที่สถานศึกษาอื่น

ส่วนนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีต รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า กรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะสั่งปิดโรงเรียนหากนักศึกษามาตีกันว่า ไม่ควรใช้ เพราะไม่สามารถแก้ปัญหาได้ อีกทั้งส่งผลกระทบต่อสถานศึกษาและนักเรียนคนอื่นๆที่ไม่ได้มีปัญหาอีกจำนวน มาก และไม่มีกฎหมายรองรับ ฉะนั้นควรใช้วิธีเข้าไปดูปัญหาต่างๆ ทั้งเรื่องรุ่นพี่ รุ่นน้อง เรื่องค่านิยม ควรส่งเสริมให้มีกิจกรรมสร้างสรรค์ เข้มงวดการตรวจค้นอาวุธ เป็นต้น หากทำอย่างจริงจังจะแก้ปัญหาได้ การใช้อำนาจเด็ดขาดอย่างเดียว อาจจะไม่แก้ปัญหา แต่ยิ่งซ้ำเติมปัญหา อย่างไรก็ตาม หากนายกฯจะใช้มาตรการดังกล่าวก็คงไม่มีใครห้าม เพราะประเทศไม่อยู่ในภาวะปกติ

อย่างไรก็ตาม ยังเกิดเหตุไล่ยิงนักเรียนนักศึกษาท้าทายมาตรการปิดสถาบันของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยเมื่อเวลา 18.30 น. วันเดียวกัน ร.ต.ท.เสนอ คงจูด พงส.สน.หัวหมาก รุดไปสอบสวนเหตุยิงกัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ปากซอย รามคำแหง 68 ทางเข้าวิทยาลัยเทคโนโลยีบางกะปิ ถนนหัวหมาก แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ พบแต่เพียงกองเลือด ปลอกกระสุนปืนลูกซองไม่ทราบขนาดตก 3 ปลอก หัวกระสุน .38 อีก 1 หัว ส่วนคนเจ็บมี 2 ราย ถูกนำส่ง รพ.นพรัตน์ไปก่อนหน้า ทราบชื่อต่อมาคือ นายนัท (ไม่ทราบชื่อและสกุลจริง) อายุ 16 ปี เป็นนักเรียนของวิทยาลัยเทคโนโลยีบางกะปิ ถูกยิงที่ขาด้านขวา 1 นัด และนายเหว่า จุ้ยอยู่ อายุ 70 ปี ถูกลูกหลง โดนยิงเข้าที่ขาขวา 1 นัด แพทย์ ผ่าตัดนำหัวกระสุนออกจนพ้นขีดอันตราย จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุมีคนร้าย 3 คน แต่งตัวคล้ายเด็กนักเรียนช่างกล สวมหมวกกันน็อกแบบเต็มใบ ขี่ จยย.ไม่ทราบรุ่นและยี่ห้อ รวมทั้งหมายเลขทะเบียนมาดักรออยู่ก่อน ต่อมานายนัทได้นั่งซ้อนท้าย จยย.เพื่อน มาจากแยกบ้านม้า มุ่งหน้าเข้าไปในซอยรามคำแหง 68 และถูกคนร้ายที่ดักรออยู่ก่อนชักปืนออกมายิงถูกนายนัทและนายเหว่าบาดเจ็บ ก่อนคนร้ายจะขี่ จยย.หลบหนี สันนิษฐานเบื้องต้นว่าน่าจะมาจากความขัดแย้งต่างสถาบัน โดยฝ่ายสืบสวน ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในบริเวณที่เกิดเหตุแล้ว เพื่อใช้เป็นเบาะแสในการติดตามตัวคนร้ายต่อไป


ที่มา : นสพ.ไทยรัฐ

โพสเมื่อ : 19 ก.ย. 57   อ่าน 2050 ครั้ง      คำค้นหา :