![]() |
ศธ.ผุดระบบไล่บี้..เคลียร์610คดีทุจริต!! ล่าช้า = ไม่ยุติธรรม : ทีมข่าวการศึกษา หนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก รายงาน
รัฐบาล “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศชัดไม่เอาทุจริตและมีนโยบายให้ทุกกระทรวงต้องไปจัดการปัญหาทุจริตที่หมักหมมอยู่ให้หมดสิ้น ในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้ส่ง “บิ๊กน้อย” พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาธิการ ลงมาจัดการเรื่องนี้ ในฐานะ ประธานคณะกรรมการอำนวยการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาการทุจริต ในทีมประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานที่ล้วนเชี่ยวชาญในการปราบปรามการทุจริต เชี่ยวชาญกฎหมาย รวมถึงสมาคมผู้สื่อข่าวต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) ตลอดจนผู้แทนสายงานนิติการจากองค์กรหลักและหน่วยงานในกำกับ รวมทั้งตั้งคณะทำงานเพื่อจัดทำแผนและดำเนินการแก้ไขปัญหาการทุจริตด้วย ทั้งนี้ ผลจากการขับเคลื่อนการทำงานช่วงระยะเวลา 1 ปี พบข้อมูลว่า ศธ.มีคดีทุจริตทั้งสิ้น 610 คดี และมีการแก้ไขเสร็จสิ้นแล้ว 298 คดี เท่ากับว่ายังเหลืออีก 292 คดี ที่ยังสะสางไม่แล้วเสร็จ ในจำนวนนี้ก็มีคดีใหญ่ๆ ที่สั่นคลอนความเชื่อมั่นต่อวงการแม่พิมพ์และสังคมจับตามองการจัดการปัญหา โดยเฉพาะการทุจริตของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) กรณีนำเงินกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคง ตามโครงการสวัสดิการเงินกู้ของกองทุนการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) 2,500 ล้านบาท ไปซื้อ “ตั๋วสัญญา” กับ บริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด ลงทุนในโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ อ.หนองหญ้าปล้อง จ.เพชรบุรี กว่า 1 ปีมานี้ มีการส่งเรื่องไปให้ ปปง.นำไปสู่การอายัดทรัพย์ของอดีตผู้บริหาร สกสค.จำนวน 418 ล้านบาท และกำลังรอลุ้นว่า ศาลแพ่งจะมีคำวินิจฉัยตามที่ สกสค.ยื่นขอให้ทรัพย์สินที่อายัดไว้ตกเป็นของ สกสค.หรือไม่ ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีกรณีที่ สกสค.ซื้อหุ้นของบริษัทหนองคายน่าอยู่ จำกัด เพื่อลงทุนโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานขยะชุมชน บ้านป่าตอง ต.โพนสว่าง อ.เมือง จ.หนองคาย และยังไม่รวมถึงการทุจริตสร้างสนามฟุตซอลวงเงิน 689 ล้านบาท ที่มีปัญหามาตั้งแต่ปี 2555 ในพื้นที่ 21 จังหวัด 400 กว่าโรงเรียน การทุจริตโครงการจัดซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลของสหกรณ์ออมทรัพย์ครู หรือแชร์ลอตเตอรี่ ของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูใน 11 จังหวัดที่เกิดเหตุมาหลายปีแล้ว เป็นปัญหาที่ต้องจับตาดูบทสรุปต่อไป ส่วนคดีที่ค้างลากยาวมากว่า 3 ปี และเพิ่งมีบทสรุปคือ การทุจริตการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งข้าราชการในตำแหน่งครูผู้ช่วย กรณีพิเศษและเหตุจำเป็น ว 12 ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ตั้งแต่ปี พ.ศ.2556 คดีดังกล่าวมีผู้ถูกกล่าวหาตั้งแต่ข้าราชการระดับซี 8 ถึงซี 11 สมัยที่ นายชินภัทร ภูมิรัตน นั่งเก้าอี้เลขาธิการ กพฐ. รวม 6 คน ล่าสุดเดือนเมษายน 2559 คณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.ก.พ.) สพฐ. ทำหน้าที่แทน อ.ก.พ.กระทรวง ที่มี พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ เป็นประธาน ได้มีมติเห็นชอบตามที่คณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงให้ ลงโทษปลดออกจากราชการ นายชินภัทร กรณีไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย กฎระเบียบของทางราชการ มติของคณะรัฐมนตรี นโยบายของรัฐบาล และไม่ปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนของทางราชการอันเป็นให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 82 (2) ประกอบมาตรา 85(7) แห่งพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 รวมทั้งให้ปลดออกจากราชการ นายไกร เกษทัน ผอ.สำนักติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน สพฐ. กรณีไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการเช่นเดียวกัน เนื่องจากใน ช่วงที่เกิดปัญหานายไกรดำรงตำแหน่ง ผอ.สำนักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนิติการ (สพร.) อย่างไรก็ดี นายชินภัทร และนายไกร สามารถยื่นอุทธรณ์ภายในระยะเวลา 30 วันนับแต่รับทราบคำสั่งปลดออกจากราชการ ในอนาคตเพื่อให้การติดตามคดีต่างๆ ที่ค้างอยู่แล้วเสร็จตามกรอบเวลา ดร.พิษณุ ตุลสุข ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะประธานคณะทำงานจัดทำและดำเนินการแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนการป้องกันและปราบปรามการทุจริต กระทรวงศึกษาธิการ ชี้แจงว่า ที่ผ่านมา พล.อ.สุรเชษฐ์ได้กำชับให้เร่งรัดติดตามเรื่องการทุจริตทั้งหมดของหน่วยงานใน ศธ. โดยเฉพาะกรณีการทุจริตในหน้าที่ราชการ และมอบให้ตนหาแนวทางนำนวัตกรรมมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ซึ่งอยู่ระหว่างพัฒนา “โปรแกรมการเร่งรัดติดตามการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องร้องเรียนและการดำเนินการทางวินัยเกี่ยวกับทุจริต” เป็นระบบออนไลน์ที่ให้ทุกหน่วยงานสามารถเข้าใช้ระบบกรอกข้อมูล ผู้มาร้องเรียนได้ตลอดเวลา ลดภาระการจัดส่งเอกสาร ซึ่งระบบจะบันทึกข้อมูลไว้ โดยคณะทำงานจะคอยตรวจสอบข้อมูลและติดตามว่าแต่ละหน่วยงานจัดการปัญหาเป็นไปตามกระบวนการและระยะเวลาในแต่ละขั้นตอนหรือไม่ ทั้งนี้ กระบวนการจะเริ่มตั้งแต่ได้รับการร้องเรียนภายใน 7 วันผู้บังคับบัญชาวินิจฉัยเช่นไร หากวินิจฉัยว่าให้ยุติก็จบ แจ้งเข้าระบบบันทึกผล กรณีวินิจฉัยว่ามีมูลก็จะเข้าสู่กระบวนการตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง มีระยะทำงานภายใน 30 วัน ถ้าพบว่าไม่มีมูลก็ยุติ แต่ถ้าพบมีมูลก็จะไปสู่กระบวนการต่อไป นั่นคือตั้งคณะกรรมการสอบสวนความผิดทางวินัย แบ่งเป็น การสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง และการสอบสวนวินัยไม่ร้ายแรง ซึ่งกรณีหลังกระบวนการสอบสวนจะต้องแล้วเสร็จภายใน 60 วัน อย่างไรก็ตาม กรณีสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงจะมีขั้นตอนต่างๆ ซึ่งมีกรอบเวลากำหนดตามระเบียบ บางขั้นตอนมีคำวินิจฉัยแล้ว แต่ก็ยังเปิดให้ยื่นอุทธรณ์ ซึ่งค่อนข้างใช้เวลาอีก “จะมีการวางระบบการเข้าถึงข้อมูลตามลำดับชั้นความลับด้วย เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลข้อมูลรั่วไหล และในอนาคตจะพัฒนาให้สามารถจำแนกได้ด้วยว่า พื้นที่ใดพบปัญหาร้องเรียนทุจริตมากที่สุด อาทิ โซนสีแดง เป็นพื้นที่ที่มีปัญหามาก จำเป็นต้องส่งเจ้าหน้าที่ลงไปติดตามตรวจสอบใกล้ชิด หรือโซนสีขาว แสดงว่าไม่มีปัญหาเลย จุดนี้ยิ่งน่าสนใจ ควรไปติดตามเพื่อดูว่าเขามีระบบบริหารจัดการเช่นไร นำมาถอดบทเรียน ที่สุดแล้วระบบนี้จะเกิดประโยชน์ทั้งต่อผู้บริหาร และยังช่วยจัดการแก้ไขให้ทุกหน่วยงานของ ศธ.ขจัดปัญหาทุจริตให้หมดสิ้น” ดร.พิษณุ กล่าว ในตอนท้าย ดร.พิษณุเน้นย้ำด้วยว่า หลักการสำคัญของการติดตามปัญหาทุจริตคือ การไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับข้อเท็จจริงและการตัดสินพิจารณาโทษของแต่ละหน่วยงาน แต่มุ่งเน้นเร่งรัด ติดตามให้การดำเนินการเป็นไปตามระเบียบและข้อกฎหมาย เพราะความล่าช้าก็ถือเป็นความไม่ยุติธรรมอย่างหนึ่ง ข้อมูลการร้องเรียนทุจริตใน 10 หน่วยงานที่รวบรวมในช่วงเวลา 1 ปี พบมีการร้องเรียนทุจริต 610 เรื่อง แก้ไขปัญหาแล้ว 298 เรื่อง อยู่ระหว่างแก้ไข 292 เรื่อง และยังไม่ได้ดำเนินการ 20 เรื่อง จำแนกดังนี้
|
โพสเมื่อ : 25 พ.ค. 59 อ่าน 1501 ครั้ง คำค้นหา : |