ทปอ.ราชภัฏมีมติรับตรงร่วมเฉพาะกลุ่ม ย้ำต้องเปิดโอกาสเด็กในพื้นที่ได้เรียน



มั่นใจตอบโจทย์ “ดาว์พงษ์” ได้

เมื่อวันที่ 30 ก.ย. รศ.ดร.สมบัติ คชสิทธิ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในฐานะประธานที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏ (ทปอ.มรภ.) เปิดเผยภายหลังการประชุม ทปอ.มรภ. ว่า ผศ.ดร.ประเสริฐ คันธมานนท์ รักษาการเลขาธิการที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ได้มาชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับระเบียบการรับบุคคลเข้าศึกษาต่อสถาบันอุดมศึกษาในระบบรับตรงกลางร่วมกัน หรือเคลียริ่งเฮาส์ตามนโยบายของ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) ให้ที่ประชุมได้รับทราบ หลังรับฟังการชี้แจง ที่ประชุมได้มีมติที่จะรับบุคคลเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยราชภัฏทั้ง 38 แห่งร่วมกัน โดยกลุ่มมหาวิทยาลัยราชภัฏจะรับบุคคลเข้าสู่สถาบัน 3 รูปแบบ คือ 1.พิจารณาจากพอร์ตฟอลิโอ เช่น ผู้ที่มีความสามารถพิเศษ นักกีฬา นักดนตรี เป็นต้น 2.การรับนักศึกษาในพื้นที่ผ่านระบบโควตาที่มีการสอบคัดเลือก โดยมหาวิทยาลัยราชภัฏจะเป็นผู้ออกและใช้ข้อสอบร่วมกันในการคัดเลือก แต่จะดำเนินการหลังจากที่เด็กจบชั้น ม.6 แล้ว และใช้ช่วงเวลาสั้นๆในการสอบ ซึ่งจะไม่ตรงกับระบบเคลียริ่งเฮาส์ ทั้งนี้ การรับในระบบโควตาจะเปิดโอกาสให้คนในพื้นที่ได้เข้ามาเรียนในระดับอุดมศึกษา ตามปรัชญาของ พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยราชภัฏ และ 3.รับบุคคลผ่านระบบเครียริ่งเฮาส์ ส่วนสัดส่วนจำนวนรับในแต่ละระบบนั้น แต่ละ มรภ.จะกำหนดจำนวนและแจ้งให้ ทปอ.ได้ทราบ เพื่อนำไปใช้เป็นข้อมูลการรับในระบบเคลียริ่งเฮาส์ต่อไป

ประธาน ทปอ.มรภ.กล่าวอีกว่า แม้ มรภ.จะมีมติให้มหาวิทยาลัยราชภัฏสามารถเปิดสอบรับตรงได้เอง แต่การรับนักศึกษาของ มรภ.ก็จะสนองนโยบายของ พล.อ.ดาว์พงษ์ ใน 5 เรื่อง 1.เด็กไม่ต้องวิ่งรอกสอบ 2.ลดปัญหาค่าใช้จ่าย 3.ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำ 4.เด็กมีความสุขในการเรียนในห้องเรียน 5.มหาวิทยาลัย/คณะ ได้ผู้เรียนที่มีศักยภาพตามที่ต้องการ ดังนั้น จึงไม่ต้องกังวลว่าเด็กจะวิ่งรอกสอบ อย่างไรก็ตาม ทปอ.มรภ.จะนำมติดังกล่าวไปรายงานให้ รมว.ศธ.ได้ทราบต่อไป ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถชี้แจงโจทย์ทั้ง 5 ข้อของ รมว.ศธ.ได้

ด้าน ผศ.ดร.ประโยชน์ คุปต์กาญจนากุล อธิการบดี มรภ.สุราษฎร์ธานี รองประธาน ทปอ.มรภ.กล่าวว่า ตนคิดการสอบในระบบโควตาของ มรภ. และการสอบในระบบรับตรงร่วมกัน หรือเคลียริ่งเฮาส์ คงไม่มากเกินไปสำหรับเด็ก เพราะค่าใช้จ่ายก็ไม่ได้มากมายอะไร แต่จะเป็นการเปิดโอกาสให้เด็กในพื้นที่ได้เรียนใกล้บ้าน.

ที่มา : นสพ.ไทยรัฐ


โพสเมื่อ : 03 ต.ค. 59   อ่าน 1497 ครั้ง      คำค้นหา :