![]() |
คุรุสภาขู่ยึดใบวิชาชีพ สอบจรรยาบรรณ ผอ.ฉาวงานเข้า คุรุสภา ขู่ยึดใบประกอบวิชาชีพครู สั่งไล่เช็กจรรยาบรรณ หลังคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงพบพิรุธหลายกระทงทั้งไม่ได้ขออนุญาตจากต้นสังกัด ปิดบังสถานะที่แท้จริงของตัวเอง แถมพฤติกรรมเข้าข่ายเป็นติวเตอร์ขณะที่ กพฐ. หวั่นข้อมูลมั่วสั่งในพื้นที่ยุติการสอบหาความจริง ดึงกลับมาเล่นเอง พร้อมสั่ง ก.ค.ศ.ส่งคนคุมเข้มวันสอบสัมภาษณ์ กรณีนายพิทักษ์ ศุภเลิศ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหนองไทร สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) บุรีรัมย์ เขต 1 นายชุมพล ศุภเลิศ ครูโรงเรียนเมืองแฝกพิทยาคมน้องชายนายพิทักษ์ และนายธรกฤต ศุภเลิศ ครูโรงเรียนบ้านหนองกระทุ่ม สพป.บุรีรัมย์เขต 4 ซึ่งถือเป็นบุคลากรทางการศึกษาชั้นสูง ทำพิลึกเข้าสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการในตำแหน่งครูผู้ช่วยประจำปี 2557 สร้างความฉงนแก่ผู้เกี่ยวข้อง ถึงกับต้องมีการสั่งให้จับตาเป็นพิเศษและบานปลายจนต้องมีการสั่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงสุดท้ายทางเจ้าตัวทนแรงกดดันไม่ไหว ต้องออกมายอมรับว่าเข้าสอบจริง โดยอ้างว่าต้องการวัดความรู้เพื่อใช้เป็นแนวทางในการเก็งข้อสอบให้ลูกหลานสอบเข้ารับราชการครูตามข่าวที่นำเสนอไปแล้วนั้น ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 24 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการสืบหาข้อเท็จจริงได้ลงพื้นที่ยังสนามสอบที่ จ.สมุทรสาคร พร้อมได้บันทึกการสอบปากคำนายพิทักษ์ เป็นลายลักษณ์อักษรแล้วซึ่งจะมีการสรุปผลการสืบหาข้อเท็จจริงส่งให้ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาบุรีรัมย์เขต 1 ตามขั้นตอนต่อไป โดยมีรายงานว่าจากการสืบหาข้อเท็จจริง พบว่าการกระทำของผู้ถูกกล่าวหามีมูลในการ กระทำความผิดจริงดังนี้ 1. ไปสมัครสอบบรรจุครูผู้ช่วยโดยไม่ได้ขออนุญาตจากผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดซึ่งมีความผิดไม่ปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนของทางราชการ 2. ปกปิดบังสถานะตัวเองในการสมัครสอบ โดยระบุว่าประกอบอาชีพส่วนตัว ทั้ง ที่ตัวเองเป็นข้าราชการครูมีตำแหน่งเป็นผู้ อำนวยการโรงเรียน และ 3. เปิดรับสอนเป็นในลักษณะเป็นติวเตอร์ซึ่งถือว่าเป็นการขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา ที่ห้ามข้าราชการครูและผู้บริหารสถานศึกษาเปิดติวข้อสอบ ขณะที่การให้ปากคำของนายพิทักษ์ ที่มีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรด้วย ทราบว่าเจ้าตัวยังให้การปฏิเสธว่าไม่ได้มีเจตนาหรือเกี่ยวข้องกับการทุจริตโดยอ้างเพียงว่าต้องการหาความรู้และดูแนวข้อสอบมาประกอบการติวข้อสอบให้กับลูกศิษย์และลูกหลานเท่านั้น ด้านนายสุพจน์ เจียมใจ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) บุรีรัมย์ เขต 1 กล่าวว่า หลังจากคณะกรรมการฯ ได้สรุปผลการสืบหาข้อเท็จจริงนำเสนอมาแล้วซึ่งได้มอบหมายให้ฝ่ายนิติกร เร่งตรวจสอบเอกสารทั้งหมด เพื่อพิจารณาประกอบกับผลการสืบหาข้อเท็จจริงว่าจะร้ายแรงแค่ไหนโดยขณะนี้ยังไม่พบข้อมูลหลักฐานที่เชื่อมโยงได้ว่านายพิทักษ์ มีพฤติการณ์เกี่ยว ข้องกับการทุจริตสอบบรรจุครูผู้ช่วยแต่อย่างใดถึงแม้เจ้าตัวจะยอมรับว่าเปิดติวข้อสอบให้กับลูกศิษย์ 20 คนจริงก็ตาม ขณะที่ ศ.ดร.ไพฑูรย์ สินลารัตน์ ประธานคณะกรรมการคุรุสภา กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นอาจส่อไปในทางทุจริตหรือไม่นั้น เรื่องนี้ทางคุรุสภาไม่ได้นิ่งนอนใจในฐานะที่เป็นหน่วยงานดูแลครูจึงได้ส่งนิติกรลงไปศึกษาข้อมูลแล้ว เพราะคุรุสภามีหน้าที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการตรวจสอบวินัยและจรรยาบรรณวิชาชีพครูอยู่แล้วหากมีประเด็นเหล่านี้เกิดขึ้นจริงก็ต้องนำมาพิจารณา แต่พิจารณาถึงสภาพปัญหาและสาเหตุด้วยเพื่อให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหาด้วย ส่วนจะมีบทลงโทษหนักเบาแค่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับผลการสอบสวนของคณะกรรมการฯซึ่งโทษเบาสุดแค่ว่ากล่าวตักเตือนหรือภาคทัณฑ์ แต่หากมีมูลว่าประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงหรือกระทำการทุจริตอาจมีโทษถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูและดำเนินการตามกฎหมายด้วย ส่วนนายอภิชาติ จีระวุฒิ เลขาธิการ คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นคาบเกี่ยวหลายพื้นที่ ดังนั้นจึงได้ลงนามในหนังสือของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) อย่างด่วนที่สุด เลขที่ ศธ.04009/ 904,905,906 แจ้งไปยังสำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) บุรีรัมย์ เขต 1, 4 และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) 32 บุรีรัมย์ ให้ยุติการดำเนินการสืบข้อเท็จจริงไว้ก่อน โดยทาง สพฐ.จะนำกลับมาดำเนินการสอบข้อเท็จจริงเอง สำหรับการสอบสัมภาษณ์ภาค ค ที่จะเริ่มสอบสัมภาษณ์ในวันที่ 27 เม.ย.นี้ ได้ขอให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ส่งผู้แทน ก.ค.ศ.ลงไปดูด้วย ขณะที่ สพฐ.เองจะส่งผู้แทนลงไปในแต่ละพื้นที่ด้วยเช่นเดียวกันเพราะถือว่าการสอบสัมภาษณ์เป็นอีกขั้นตอนหนึ่งที่สำคัญ. --เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 26 เม.ย. 2557 (กรอบบ่าย)-- |
โพสเมื่อ : 25 เม.ย. 57 อ่าน 1714 ครั้ง คำค้นหา : |