![]() |
ก.พ.อ.สั่งทบทวนบัญชีเงินเดือนข้าราชการในสถาบัน
อุดมศึกษา ระบุควรเทียบเคียงบัญชีเงินเดือนของ ก.พ. มากกว่าการดูที่ตำแหน่ง
พนง.มหาวิทยาลัย ที่บางคนอัตราเงินเดือนทะลุเพดาน ขณะที่
พนง.มหาวิทยาลัยยื่น กมธ.แรงงาน สปช.วอนตั้งกองทุนสวัสดิการรักษาพยาบาล
ชี้สิทธิประกันสังคมแย่กว่าสวัสดิการข้าราชการที่เคยได้รับก่อนมหา'ลัยออก
นอกระบบ นพ.กำจร ตติยกวี เลขาธิการคณะกรรม การการอุดมศึกษา (เลขาฯ กกอ.)
กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ก.พ.อ.)
ที่มีนายกฤษณพงศ์ กีรติกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.)
เป็นประธาน เมื่อเร็วๆ นี้ ได้พิจารณาตามที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา
(สกอ.) เสนอร่างกฎ
ก.พ.อ.ว่าด้วยการกำหนดบัญชีเงินเดือนขั้นต่ำขั้นสูงของข้าราชการพลเรือนใน
สถาบันอุดมศึกษา พ.ศ. .... และร่างกฎ
ก.พ.อ.ว่าด้วยการให้ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาได้รับเงินเดือน พ.ศ.
.... รวมทั้งบัญชีเงินเดือนขั้นต่ำขั้นสูงใหม่ ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.)
มีมติปรับเงินเดือน 4% ให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐชั้นผู้น้อย
ซึ่งในส่วนข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาจะมีผลต่อการปรับเงินเดือนของ
ข้าราชการ ผู้ดำรงตำแหน่งวิชาการ ซึ่งได้รับเงินเดือนตำแหน่งอาจารย์
และผู้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาชีพเฉพาะหรือเชี่ยวชาญเฉพาะ
ซึ่งเงินเดือนระดับปฏิบัติการและระดับชำนาญการ ผู้ดำรงตำแหน่งประเภททั่วไป
ซึ่งได้รับเงินเดือนระดับปฏิบัติงานและระดับชำนาญงาน เลขาฯ กกอ.กล่าวต่อว่า
ที่ประชุมได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างกฎหมายทั้งสองฉบับอย่างกว้างขวาง
และมีมติเห็นชอบให้ สกอ.กลับไปทบทวนรายละเอียดการขึ้นเงินเดือนใหม่
โดยที่ประชุมเห็นว่า
หากปรับเงินเดือนโดยเริ่มจากตำแหน่งอาจารย์อาจทำให้เกิดความไม่เป็นธรรม
เช่น บางคนเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ (ผศ.) มานาน
และได้รับการปรับเพิ่มเงินเดือนทุกครั้ง จนได้รับเงินเดือนในอัตราที่สูง
ซึ่งอาจจะมากกว่าตำแหน่งในระดับที่สูงกว่า ดังนั้นที่ประชุมจึงเห็นว่า
การปรับฐานเงินเดือนครั้งนี้อาจจะต้องดูที่ฐานเงินเดือนจริงๆ
ไม่ใช่จากตำแหน่ง
โดยเทียบเคียงจากบัญชีเงินเดือนของคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.)
และให้นำมาเสนอต่อที่ประชุม ก.พ.อ.นัดต่อไป ด้าน นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ อธิการ บดีมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
(มศว) ในฐานะสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวว่า
ตามหลักการแล้วการปรับเงินเดือนครั้งนี้จะไม่ครอบคลุมกับพนักงานมหาวิทยาลัย
ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ
และลูกจ้างประจำ ซึ่งในที่ประชุม สนช.ได้หารือในประเด็นดังกล่าว
โดยนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงว่า
เนื่องจากมหาวิทยาลัยแต่ละแห่งมี พ.ร.บ.ของตัวเอง
ดังนั้นจึงสามารถตั้งบัญชีเงินเดือนเองได้
เพียงแต่ต้องทำความตกลงกับสำนักงบประมาณเพื่อขอรับการสนับสนุนต่อไป
ส่วนกลุ่มข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ
และลูกจ้างประจำ
ก็สามารถปรับขึ้นโดยอนุโลมจากกฎหมายที่เกี่ยวข้องได้เช่นกัน วันเดียวกัน ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 11.45 น. นายวีรชัย พุทธวงศ์
เลขาธิการศูนย์ประสานงานบุคลากรในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ พร้อมคณะ
เดินทางมายื่นหนังสือต่อ พล.ท.เดชา ปุญญบาล ประธานกรรมาธิการแรงงาน
สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ
เพื่อขอให้ช่วยแก้ปัญหาระบบสวัสดิการของพนักงานมหาวิทยาลัย
โดยนายวีรชัยกล่าวว่า
บุคลากรในสถาบันอุดมศึกษาทั่วประเทศในปัจจุบันที่ไม่ใช่ข้าราชการมีจำนวน
106,366 คน ซึ่งถูก
พ.ร.บ.ของแต่ละมหาวิทยาลัยกำหนดว่าไม่อยู่ภายใต้กฎหมายคุ้มครองแรงงานหรือ
กฎหมายแรงงานสัมพันธ์ ทำให้เสียสิทธิ์ในการปกป้องสถานภาพตนเองหลายอย่าง
ซึ่งแตกต่างจากพนักงานระบบรัฐวิสาหกิจที่อยู่ในระบบแรงงานสัมพันธ์ อาทิ
เนื่องจากทำสัญญาจ้างระยะสั้น
เมื่อตรวจสอบการบริหารงานที่ไม่โปร่งใสในสถาบันอุดมศึกษาจึงทำได้ยาก
เพราะจะถูกให้ออกจากงานได้ทุกเมื่อ ฟ้องศาลแรงงานก็ไม่ได้ นายวีรชัยกล่าวอีกว่า มติ ครม.ปี 2542
ให้จัดจ้างพนักงานทดแทนอัตราข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัยเพื่อรองรับการ
ออกนอกระบบ
ซึ่งปัจจุบันไม่อยู่ภายใต้กฎหมายคุ้มครองแรงงานหรือกฎหมายแรงงานสัมพันธ์
แต่เข้าไปอยู่ในระบบประกันสังคมของกระทรวงแรงงาน
ซึ่งแทนที่จะสร้างระบบสวัสดิการสุขภาพให้ดีเหมือนราชการเดิม
แต่ในความเป็นจริงสิทธิ์รักษาพยาบาลที่ได้รับแย่กว่าระบบราชการเดิม
และแย่กว่าระบบของพนักงานรัฐวิสาหกิจ นอกจากนี้
อาจารย์มหาวิทยาลัยเริ่มไหลออกจากระบบ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนเรียนเก่ง
อาจารย์แพทย์ศัลยกรรมบางท่านมีประสบการณ์สูงก็ลาออกไปอยู่เอกชน
ดังนั้นขอเสนอให้กรรมาธิการฯ เสนอเรื่องให้ ครม.พิจารณาให้ความช่วยเหลือ
โดยผลักดันให้ยกร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งกองทุนรักษาพยาบาลอุดมศึกษา
(เหมือนราชการเดิม) ภายใต้ พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ บริหารจัดการโดย
สปสช. ระบบจ่ายตรง สวัสดิการคลุมบิดามารดาและบุตร ด้าน พล.ท.เดชากล่าวว่า จะรับข้อมูลไปพิจารณาในรายละเอียด โดยขั้นตอนต่อจากนี้ไปอาจจะต้องเชิญตัวแทนมาให้ข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อให้เกิดความรอบด้านมากยิ่งขึ้นด้วย
|
โพสเมื่อ : 05 ก.พ. 58 อ่าน 1402 ครั้ง คำค้นหา : |