แนะอัปเกรดค่ายลูกเสือเป็นแหล่งท่องเที่ยว-แหล่งเรียนรู้การศึกษาเด็ก
ศธ.แนะสำนักลูกเสือ
หารือเอกชนพัฒนาที่ดินค่ายลูกเสือที่มีอยู่ 200 แห่งทั่วประเทศ
ให้เป็นค่ายชั้นดี ชงไอเดียปรับเป็นแหล่งท่องเที่ยวในตัว
หวังหารายได้เข้ากิจการลูกเสือ ลดการพึ่งพางบประมาณจากภาครัฐ พร้อมให้ ปลัด
ศธ.ตั้งคณะทำงานศึกษาปัญหาอุปสรรคของการดำเนินงานลูกเสือ
หากพบติดขัดที่กฎหมายก็อาจต้องแก้ไข
เพื่อประโยชน์ต่อกาารบริหารกิจการลูกเสือ
นางสุทธศรี วงษ์สมาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า
เมื่อเร็วๆนี้ได้หารือร่วมกับ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รมว.ศึกษาธิการ
เกี่ยวกับเรื่องการปรับปรุงบริหารงานของกิจการลูกเสือแห่งชาติซึ่งบริหาร
จัดการภาย ใต้คณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติที่มี รมว.ศึกษาธิการ
เป็นประธานคณะกรรมการ
เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนกิจการลูกเสือไทยมาเป็นกลไกในการพัฒนาประเทศ
เนื่องจาก รมว.ศึกษาธิการ เห็นว่า
กิจการลูกเสือไทยจะเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาประเทศได้เป็นอย่างดี เช่น
การสร้างจิตอาสา ฝึกความเป็นระเบียบวินัย เป็นต้น ทั้งนี้
ที่ประชุมได้มอบหมายให้ตนไปตั้งคณะทำงานขึ้นมาศึกษาภาพรวมการทำงานของลูก
เสือทั้งหมดดูว่าที่ผ่านมามีปัญหาหรืออุปสรรคในการดำเนินการใดบ้าง
และจำเป็นต้องปรับแก้ พ.ร.บ.ลูกเสือแห่งขาติ พ.ศ.2551
อย่างไรเพื่อให้การบริหารงานกิจการลูกเสือมีประสิทธิภาพมากขึ้น
“ประเด็นหนึ่งซึ่งที่ประชุมให้ความสนใจ คือ การพัฒนาค่ายลูกเสือที่มีอยู่
200 กว่าแห่งทั่วประเทศ ที่ดินเหล่านี้เป็นทรัพย์สินราชการที่รัชกาลที่ 6
ยกให้กับลูกเสือไทย ส่วนใหญ่จะถูกทิ้งร้างหรือไม่ได้รับการดูแล ทั้ง ๆ
ที่ค่ายลูกเสือบางแห่งอยู่ในทำเลที่ดีมาก เช่น ค่ายลูกเสือ จ.ตรัง
เป็นที่ดินยาว 3 กิโลเมตรเลียบชายทะเล
สามารถนำมาบริหารจัดการให้เกิดประโยชน์ต่อกิจการลูกเสือและหารายได้เข้า
กิจการลูกเสือได้
ช่วยให้กิจการลูกเสือมีเงินพอเพียงในการบริหารจัดการโดยไม่ต้องพึ่งพางบของ
รัฐบาล อย่างไรก็ตาม
ศธ.เองไม่มีกำลังเพียงพอจะพัฒนาที่ดินเหล่านี้โดยลำพังต้องดึงภาคเอกชนมา
ช่วย ซึ่งสามารถทำได้เพราะกฎหมายเปิดช่องไว้
ดังนั้นที่ประชุมจึงให้ไปศึกษาเรื่องนี้มา
ทั้งนี้เพื่อให้เกิดการพัฒนาค่ายลูกเสือต่างๆ
ขึ้นมาเป็นสถานที่เข้าค่ายของลูกเสือ
รวมถึงอาจปรับปรุงให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว
หรือแหล่งเรียนรู้ทางการศึกษาของเด็กไปในตัวด้วย”ปลัด ศธ. กล่าวและว่า
รมว.ศึกษาธิการ ยังอยากให้การบริหารงานของสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ
มีแผนการบริหารจัดการที่ชัดเจนเพราะปัจจุบันเหมือนหน่วยงานในกำกับ
ศธ.มีรองปลัด ศธ.คอยดูแล
จึงอยากให้ผู้บริหารสำนักงานลูกเสือแห่งชาติเป็นลักษณะซีอีโอ
นั่งทำงานเต็มเวลาและให้ได้มาจากการสรรหา
มีการทำสัญญาจ้างโดยระบุแผนการทำงานและเป้าหมายชัดเจน
ซึ่งจะช่วยให้การบริหารสำนักงานลูกเสือเกิดประสิทธิภาพมากขึ้น
กลไกลูกเสือจะขับเคลื่อนได้ต้องเกิดจากการบริหารงานประสิทธิภาพด้วย
ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์ 13 ตุลาคม 2557 |
โพสเมื่อ :
13 ต.ค. 57
อ่าน 1301 ครั้ง คำค้นหา :
|
|