สรุปสอบโอเน็ตเหลือแค่5วิชา เริ่มปีนี้ทันที-ไม่ต้องรอ 3ปี อ้างไม่มีกฏบังคับ



เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ที่สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับคณะกรรมการบริหาร สทศ.ว่า ที่ประชุมมีมติยืนยันตามที่ สทศ.เสนอให้จัดทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (โอเน็ต) 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ได้แก่ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย และสังคมศึกษา โดยในส่วนของสังคมศึกษา จากเดิมจะแยกการสอบเป็น 2 ส่วน คือให้ สทศ.ออกข้อสอบ และอีกส่วนที่เกี่ยวข้องกับบริบทในพื้นที่ ให้โรงเรียนเป็นผู้ออกข้อสอบนั้น แต่เพื่อให้การประเมินผลเป็นมาตรฐานเดียวกัน ที่ประชุมจึงเห็นว่าควรให้ สทศ.เป็นผู้จัดสอบในวิชาสังคมทั้งหมด ส่วนอีกสาม 3 กลุ่มสาระฯที่เหลือ ได้แก่ ศิลปะ พลศึกษาและสุขศึกษา และการงานอาชีพและเทคโนโลยี ให้โรงเรียนเป็นผู้จัดสอบเอง 

พล.ร.อ.ณรงค์กล่าวว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมยังหารือกรณีที่มีข้อเสนอจากที่ ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ว่าหากมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ต้องประกาศ ให้นักเรียนเตรียมพร้อมล่วงหน้าเป็นเวลา 3 ปีนั้น ได้พิจารณาเหตุผลอย่างรอบด้าน โดยเฉพาะในแง่ของข้อกฎหมาย พบว่า ไม่ได้มีกฎหมายใดกำหนดว่าถ้ามีการเปลี่ยนแปลงการจัดสอบอะไร จะต้องแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 3 ปี ดังนั้น ที่ประชุมจึงมีมติว่าจะเริ่มดำเนินการจัดสอบโอเน็ต 5 กลุ่มสาระฯ ทันทีในปีการศึกษา 2558 ซึ่งจะสอบช่วงต้นปี 2559 

"สทศ.และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ยืนยันว่าสามารถจัดทำข้อสอบได้ทัน โดย สทศ.เสนอให้ ผมไปหารือเรื่องดังกล่าวกับ ทปอ.อีกครั้ง ซึ่งผมรับว่าจะไปพูดคุยเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการดำเนินการ ส่วน ทปอ.จะยังใช้โอเน็ตเป็นองค์ประกอบหนึ่งในการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษาในระบบกลางการรับนิสิตนักศึกษา หรือแอดมิสชั่นส์ ตามเดิมหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ ทปอ.จะไม่บังคับ เพราะเมื่อดูรายละเอียดสัดส่วนที่ ทปอ.ใช้โอเน็ตในการแอดมิสชั่นส์ พบว่าทั้ง 3 กลุ่มสาระฯที่ให้โรงเรียนสอบใช้ในสัดส่วนเพียง 5% แต่เน้นไปที่ 5 กลุ่มสาระฯ ถึง 25% และผลการเรียนเฉลี่ยสะสมตลอดหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย (GPAX) อีก 20% ดังนั้น จึงคิดว่าการลดสอบโอเน็ตลงเหลือ 5 กลุ่มสาระฯ ไม่ส่งผลกระทบต่อการเข้าเรียนศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาอย่างแน่นอน และเป็นการลดปัญหาการกวดวิชา" พล.ร.อ.ณรงค์กล่าว 

นายกฤษณพงศ์ กีรติกร รัฐมนตรีช่วยว่าการ ศธ.กล่าวว่า จากข้อมูลที่ผ่านมาพบว่าเด็กนิยมกวดวิชาทุกกลุ่มสาระฯ รวม 3 กลุ่มสาระฯนี้ด้วย ทั้งที่ความจริงแล้วเป็นวิชาที่ส่งเสริมด้านวิชาชีพ การใช้ทักษะฝีมือ การทำงานเป็นกลุ่ม ซึ่งควรให้พื้นที่หรือสถานศึกษาจัดกิจกรรม และประเมินผล แทนที่เด็กจะไปกวดวิชาแล้วมาสอบ 

นายกฤษณพงศ์กล่าวว่า ส่วนกรณีที่เมื่อลดกลุ่มสาระฯ ที่สอบลงแล้ว เด็กจะไม่สนใจเรียน เพราะไม่มีผลต่อการเข้าเรียนต่อหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่ต้องหารือร่วมกัน โดยมหาวิทยาลัยเองควรจะหันมาให้ความสนใจกับคะแนนกิจกรรม หรือแฟ้มสะสมผลงานมากขึ้นด้วย ทั้งนี้ ส่วนตัวเชื่อว่าเมื่อให้โรงเรียนเป็นผู้ออกข้อสอบทั้ง 3 วิชา น่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงสังคม และส่งเสริมให้เด็กสนใจเรียนในสายอาชีพมากขึ้นด้วย 

นายประสาท สืบค้า อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) และประธาน ทปอ.กล่าวว่า หาก สทศ.ยืนยันจะจัดสอบโอเน็ตเพียง 5 กลุ่มสาระฯ และอีก 3 กลุ่มสาระฯ ให้โรงเรียนออกข้อสอบเองนั้น ทปอ.จะไม่ใช้คะแนนสอบโอเน็ตใน 3 กลุ่มสาระฯ ที่โรงเรียนจัดสอบ เพราะจะทำให้เด็กเกิดการได้เปรียบเสียเปรียบกัน แต่จะใช้เพียง 5 กลุ่มสาระฯ ที่ สทศ.จัดสอบเท่านั้น 

นายประสาทกล่าวว่า นอกจากนี้ต้องปรับการให้ค่าน้ำหนักของโอเน็ตที่ใช้ในการเข้ามหาวิทยาลัย เพื่อให้เกิดความยุติธรรมกับเด็กมากที่สุด ส่วนที่รัฐมนตรีว่าการ ศธ.จะหารือกับ ทปอ.เรื่องการปรับลดการสอบโอเน็ต เป็นเรื่องที่ดี โดยพร้อมจะชี้แจงเหตุผล และความจำเป็นทั้งหมด และยืนยันสิ่งที่ทำไปเพื่อเด็ก อย่างไรก็ตาม หาก ทปอ.จะปรับองค์ประกอบ และค่าน้ำหนักที่จะใช้ในการเข้ามหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นการปรับใหญ่ จะต้องประกาศล่วงหน้า 3 ปี 

นายสัมพันธ์ พันธุ์พฤกษ์ ผู้อำนวยการ สทศ.กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร สทศ.พิจารณากรณีนักเรียนชั้น ม.6 จำนวน 1 ราย ที่เข้าสอบโอเน็ตในปีการศึกษา 2557 โดยนำโทรศัพท์มือถือเข้าห้องสอบ และบันทึกภาพหน้าปกแบบทดสอบวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม แล้วนำไปเผยแพร่ในสื่อออนไลน์ ที่ประชุมเห็นว่าผู้เข้าสอบได้ฝ่าฝืนระเบียบ สทศ.ว่าด้วยแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการดำเนินการทดสอบ พ.ศ.2557 ส่งผลกระทบ ต่อความน่าเชื่อถือของระบบการทดสอบ และภาพลักษณ์ของ สทศ.จึงมีมติลงโทษโดยไม่ประกาศคะแนนโอเน็ตในวิชาสังคมศึกษาฯ โดยให้แจ้งไปยังสถานศึกษาของผู้เข้าสอบ และแจ้งไปที่สถาบันอุดมศึกษาที่ผู้เข้าสอบไปสมัครสอบเข้ามหาวิทยาลัย ส่วนกรรมการคุมสอบถูกลงโทษโดยขึ้นบัญชีไม่สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการประจำสนามสอบ 1 ปี และแจ้งไปยังผู้อำนวยการโรงเรียนเพื่อพิจารณาต่อไป

 

 

ที่มา มติชนออนไลน์ วันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558


โพสเมื่อ : 26 ก.พ. 58   อ่าน 1567 ครั้ง      คำค้นหา :