กฎหมายต้องเข้มแข็ง
เลาะเลียบคลองผดุงฯ
ตุลย์ ณ ราชดำเนิน [email protected]
ในทุกเทศกาลสำคัญแห่งการฉลองสงกรานต์หรือปีใหม่ของประเทศไทย
จะเห็นการส่งสัญญาณเตือนสติ เตือนใจ
และแจ้งมาตรการเพื่อจัดการกับผู้ละเมิดกฎแห่งความปลอดภัย
ชนิดเด็ดขาดไปพร้อมๆ การให้ความรู้
ขอความร่วมมือจากหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ชนิดเห็นแล้ว ฟังแล้ว
ชวนน่าเชื่อถือ
มีทั้งไม้นวมและไม้แข็ง แต่ดูเหมือนคนในสังคมไทยส่วนหนึ่งทำเป็นไม่ได้ยิน
ไม่ยอมรับรู้ในการอยู่ร่วมกันอย่างสร้างสรรค์
มีจิตสำนึกรับผิดชอบร่วมกันเพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสีย
ปกติแล้วคนกลุ่มดังกล่าวนี้ แม้จะเป็นกลุ่มน้อย
เมื่อเทียบกับพลเมืองดีที่มีมากกว่าหลายเท่า มีจิตใจพร้อมเสมอที่จะละเมิดกฎ
ด้วยถือเอาความมักง่าย เห็นแก่ตัว ไม่เคารพกฎหมายและสิทธิผู้อื่น
จนมีคำกล่าวกันว่า หากจะวัดถึงคุณภาพของคนประเทศใดมีขนาดไหน
มาตรฐานนี้ดูได้จากการใช้รถ ใช้ถนนของคนประเทศนั้น
จะสามารถบอกอะไรได้หลายอย่าง ไม่ใช่แค่มีการศึกษาเท่านั้น
ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย
เปิดเผยในรายงานความปลอดภัยทางถนนของโลก ปี 2556 (Global Stabal Report on
Road 2013) พบอัตราผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนของไทยพุ่งสูงเป็นอันดับ
3 ของโลก โดยมีผู้เสียชีวิต 38.1 รายต่อประชากร 1 แสนราย
หรือหากคิดภายใน 1 เดือนเท่ากับมีคนเจ็บประมาณ 2 แสนคน มีคนตายประมาณ 2
พันคน ที่น่าหดหู่ในการเกิดอุบัติเหตุ คือคนส่วนใหญ่มักมองเป็นเรื่องธรรมดา
เพราะมีความคุ้นชินกับสิ่งเหล่านี้
ปกติทุกวันนี้การเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนในเมืองไทยนับวันจะทวีความรุนแรง
และเกิดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินเป็นอย่างมาก
จากสถิติการเสียชีวิตในช่วงเทศกาลปีใหม่ในปี 2557 ที่ผ่านมา
มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นมากถึง 3,174 ครั้ง โดยมีผู้เสียชีวิตรวม 366 ราย
ผู้บาดเจ็บรวม 3,345 คน
ทุกวันนี้จะเห็นข่าวการเสียชีวิต ณ จุดเกิดเหตุมีมากขึ้น
แสดงให้เห็นว่าอุบัติเหตุมีความรุนแรงสูง องค์การสหประชาชาติระบุ
ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นวัยหนุ่มสาว อายุระหว่าง 15-29 ปี
สำหรับประเทศไทยแล้วมีพฤติกรรมเสี่ยงทุกรูปแบบ ทั้งเมาแล้วขับ โทร.แล้วขับ
ง่วงแล้วขับ ขับเร็ว ขับย้อนศร
ขับขี่จักรยานยนต์และซ้อนท้ายไม่สวมหมวกกันน็อก ฝ่าฝืนกฎจราจร
ต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง
เพื่อให้ทุกคนที่เดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ ถึงที่หมายอย่างปลอดภัยในทุกเส้นทาง
ที่มา ข่าวสดออนไลน์ วันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2557