วินัยข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
คอลัมน์: สถานีก.ค.ศ.: วินัยข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
พินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์
เลขาธิการ ก.ค.ศ.
พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 หมวด 6
ได้กำหนดวินัยและการรักษาวินัยของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาไว้
เพื่อให้ทราบถึงข้อห้ามและข้อปฏิบัติต่างๆ
สัปดาห์นี้จะนำเรื่องความผิดวินัยเกี่ยวกับการเงินและบัญชี
ที่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาไม่ควรปฏิบัติ มาให้ความรู้ ดังนี้
เรื่องมีอยู่ว่า นายเฉลิม (นามสมมุติ) ตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียน
ได้ทำเรื่องขอยืมเงินทดรองราชการ และอนุมัติการยืมเงินด้วยตนเอง
ทำการเบิกถอนเงินงบประมาณของโรงเรียนออกไปอย่างต่อเนื่อง
โดยไม่มีแผนงานหรือโครงการรองรับ จำนวน 24 สัญญา รวมเป็นเงิน ทั้งสิ้น
840,261 บาท บางวันยืมต่อเนื่อง ในวันเดียวกันถึง 6 สัญญา
ทั้งที่เจ้าหน้าที่การเงินทักท้วงแล้ว
แต่นายเฉลิมก็ยังอนุมัติเงินยืมให้กับตนเองอีก
และเมื่อยืมไปแล้วก็ไม่ปรากฏพยานหลักฐานว่านายเฉลิมได้นำเงินงบประมาณดัง
กล่าวไปใช้จ่ายในโครงการหรือแผนงานใดของโรงเรียน
บางครั้งมีการจัดทำโครงการใหม่
ซึ่งไม่สอดคล้องกับแผนงานหรือโครงการของโรงเรียน
การยืมเงินทดรองราชการดังกล่าวของนายเฉลิมจึงไม่โปร่งใส
เนื่องจากผู้บริหารโรงเรียนดำเนินการเองทั้งหมด
เจ้าหน้าที่การเงินก็จะต้องทำตามที่ผู้บริหารโรงเรียนสั่งการ
ซึ่งเมื่อยืมเงินทดรองราชการไปแล้ว
เมื่อถึงกำหนดการส่งใช้เงินยืมหรือส่งเอกสารหลักฐานเพื่อล้างหนี้เงินยืม
นายเฉลิมกลับไม่ดำเนินการใดๆ
แต่ยังคงทำสัญญายืมเงินและอนุมัติเงินยืมให้กับตนเองอีก
ซึ่งเมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าตามสัญญายืมเงิน
โรงเรียนได้จัดกิจกรรมซ้อนกันในวันเดียวถึง 6 กิจกรรม
ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจึงตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่าง
ร้ายแรงนายเฉลิมเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว
โดยนายเฉลิมรับสารภาพว่าได้กระทำการเช่นนี้จริง
และต่อมาได้ทยอยนำเงินมาคืนให้กับทางราชการ
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาได้นำเรื่องนี้เสนอต่อ
อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา เพื่อพิจารณาดำเนินการทางวินัยแก่นายเฉลิม ซึ่ง
อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาได้พิจารณาแล้ว
เห็นว่านายเฉลิมกระทำผิดวินัยตามมาตรา 84 วรรคสาม
แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547
กรณีปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ
เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์ที่มีควรได้
เป็นการทุจริตต่อหน้าที่ราชการ จึงมีมติให้ลงโทษลดขั้นเงินเดือน 1 ขั้น
ผู้บังคับบัญชาจึงสั่งลงโทษลดขั้นเงินเดือนนายเฉลิม 1 ขั้น และรายงาน
ก.ค.ศ. เพื่อพิจารณา
สำนักงาน ก.ค.ศ.ได้นำเรื่องนี้เสนอต่อ
อ.ก.ค.ศ.วิสามัญเกี่ยวกับวินัยและการออกจากราชการ (ซึ่งทำการแทน ก.ค.ศ.)
พิจารณาแล้วเห็นว่า พฤติการณ์ของนายเฉลิมเป็นการกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง
ตามมาตรา 84 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติฯ ดังกล่าว ตามที่
อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา มีมติให้ลงโทษลดขั้นเงินเดือนนายเฉลิม 1 ขั้น
นั้น ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งความผิดวินัยอย่างร้ายแรงมีโทษปลดออกหรือไล่ออก
ที่ประชุมจึงมีมติให้ผู้บังคับบัญชามีคำสั่งเพิ่มโทษนายเฉลิม
จากโทษลดขั้นเงินเดือน 1 ขั้น เป็นโทษไล่ออกจากราชการ
ให้ถูกต้องตามกฎหมายและเหมาะสมกับกรณีความผิดต่อไป
จากกรณีที่นำมาให้ความรู้ในวันนี้
หวังว่าจะเป็นอุทาหรณ์ให้กับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาไม่ให้
ประพฤติผิดวินัยได้เป็นอย่างดี
ที่จะไม่หลงกระทำผิดให้เสื่อมเสียเกียรติยศศักดิ์ศรีความเป็นข้าราชการ
แล้วพบกันอีกครั้งในสัปดาห์หน้า
ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน |
โพสเมื่อ :
30 พ.ย. 58
อ่าน 1416 ครั้ง คำค้นหา :
|
|