![]() |
สวัสดีค่ะ เพื่อนข้าราชการครูและ
บุคลากรทางการศึกษาทุกท่าน พบกันอีกเช่นเคยค่ะ
สำหรับครั้งนี้ดิฉันขอนำเสนอกรณีข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษากระทำการ
กลั่นแกล้งกล่าวหา ร้องเรียน
หรือฟ้องร้องผู้อื่นโดยปราศจากความเป็นจริงมาบอกเล่าให้ฟัง
ซึ่งการกระทำดังกล่าวถ้าเป็นเหตุให้ผู้ที่ถูกกลั่นแกล้งกล่าวหา
ถูกร้องเรียน หรือถูกฟ้องร้องได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง
พฤติการณ์ของผู้กระทำเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามมาตรา 89 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 ดิฉันขอยกอุทาหรณ์ที่เป็นเรื่องจริงมาเล่าให้ฟังดังนี้ นาย
ก
ตำแหน่งรองผู้อำนวยการโรงเรียนถูกผู้บังคับบัญชามีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการ
สืบสวนข้อเท็จจริงและมีคำสั่งย้ายเพื่อประโยชน์ของทางราชการโดยมีมูลเหตุจาก
การร้องเรียนของประชาชนในเขตบริการของโรงเรียน ต่อมา นาย ก
ยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครอง ขอให้ยกเลิกคำสั่งย้าย
และนำเรื่องเดียวกันนี้มาฟ้องคดีอาญาโดยฟ้อง อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา
และคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง รวมสิบคน
ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบและฐาน
ทำเอกสารราชการอันเป็นเท็จ
โดยปรากฏหลักฐานชัดแจ้งทั้งพยานเอกสารและพยานบุคคลว่า ก่อนฟ้องคดีอาญา นาย ก
ทราบแล้วว่ามีประชาชนมาร้องเรียนตน และนาย ก
ก็ได้ไปให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการสืบสวนด้วย แต่นาย ก
กลับฟ้องบุคคลอื่นเป็นคดีอาญาและบรรยายฟ้องโดยกล่าวข้อเท็จจริงว่าไม่มี
ประชาชนในเขตบริการของโรงเรียนมาร้องเรียนตน และนอกจากนี้ นาย ก
ยังเบิกความเท็จในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง สนับสนุนคำฟ้องเท็จของตนอีกครั้ง ซึ่งในเวลาต่อมาว่าศาลจังหวัด ข
พิพากษายกฟ้องของนาย ก และนาย ก ถูกดำเนินการทางวินัย โดยผู้บังคับบัญชาและ
อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา เห็นว่านาย ก กระทำโดยมีเจตนาไม่สุจริต
มิใช่เป็นการใช้สิทธิทางศาลโดยชอบ ผลแห่งการกระทำของนาย ก
ย่อมกระทบต่อชื่อเสียง เกียรติศักดิ์
และตำแหน่งหน้าที่ราชการของผู้ถูกฟ้องคดี
ผู้ถูกฟ้องคดีบางคนต้องเสียสิทธิในการเข้าสอบเพื่อบรรจุในตำแหน่งผู้ช่วยผู้
พิพากษาเพราะเหตุที่ถูกฟ้องคดีครั้งนี้
และทุกคนต้องถูกจำขังเป็นระยะเวลาหนึ่ง
ถูกจำกัดสิทธิเสรีภาพในร่างกายต้องขวนขวายหาผู้ค้ำประกันหรือหลักทรัพย์มา
ประกันตนเพื่อให้ได้อิสรภาพ ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการต่อสู้คดี
เพราะเหตุแห่งการกระทำโดยไม่สุจริตของนาย ก
เป็นเหตุให้ผู้ถูกฟ้องคดีจำนวนถึงสิบรายได้รับความเสียหายอย่าร้ายแรง
พฤติการณ์ของนาย ก เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ตามมาตรา 89
แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา
พิจารณาแล้วมีมติลงโทษไล่ นาย ก ออกจากราชการ
ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจึงมีคำสั่งลงโทษไล่ นาย ก
ออกจากราชการตามมติ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา ดังกล่าว ต่อมา นาย ก จึงยื่นอุทธรณ์ต่อ ก.ค.ศ.
อ.ก.ค.ศ.วิสามัญ เกี่ยวกับการอุทธรณ์และการร้องทุกข์ (ที่ทำการแทน ก.ค.ศ.)
ซึ่งได้พิจารณาแล้วเห็นว่า การที่ผู้บังคับบัญชามีคำสั่งลงโทษไล่ นาย ก
ออกจากราชการนั้น เหมาะสมกับกรณีความผิดแล้ว อุทธรณ์ฟังไม่ขึ้น
จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ยกอุทธรณ์ (คือยืนยันโทษไล่ออกจากราชการตามเดิม) ดิฉันขอเรียนย้ำเตือนเพื่อนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาว่า
การเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาต้องประพฤติตนให้เป็นแบบอย่างที่
ดีต่อผู้เรียน ชุมชน สังคม มีความสุภาพเรียบร้อย รักษาความสามัคคี
ช่วยเหลือเกื้อกูลผู้เรียนและข้าราชการด้วย
กัน ต้อนรับให้ความสะดวก
ให้ความเป็นธรรมแก่ผู้เรียนและประชาชนผู้มาติดต่อราชการ ไม่กลั่นแกล้ง
ดูหมิ่น เหยียดหยาม กดขี่
หรือข่มเหงผู้เรียนหรือประชาชนผู้มาติดต่อราชการนะคะ
แล้วพบกันใหม่วันจันทร์หน้าค่ะ ศิริพร กิจเกื้อกูล |
โพสเมื่อ : 05 ม.ค. 58 อ่าน 2502 ครั้ง คำค้นหา : |