“ณรงค์”สั่งลดวิชาโอเน็ต-ฟื้นสอบยูเน็ต



สั่ง สทศ.ถกบอร์ดลดวิชาสอบ O-Net-ฟื้นสอบ U-Net

“ณรงค์” มอบ สทศ. ถกบอร์ดถามความเห็นลดวิชาสอบ O-Net เหลือแค่ 4 วิชาหลัก ชี้ส่วนใหญ่เห็นด้วยแต่ยังต้องการให้คงวิชาสังคมไว้แต่อาจปรับลดสัดส่วนลง เนื่องจากมีวิชาย่อยที่สำคัญ ทั้งประวัติศาสตร์ หน้าที่พลเมือง จำเป็นต้องมีข้อสอบกลางที่วัดมาตรฐานเดียวกัน ระบุเห็นด้วยเดินหน้าสอบ U-Net แต่ต้องไม่บังคับให้สอบเพื่อสมัครใจ เป็นหน้าที่ สทศ. ต้องสร้างความเชื่อมั่น ขณะที่ ผอ.สทศ. แจงไม่เรียกสอบ U-Net แต่เป็นการวัดสมรรถนะสื่อสารภาษาไทยและอังกฤษ รูปแบบหนึ่งขึ้นอยู่กับสถานประกอบการจะนำไปใช้หรือไม่


วันนี้ (20 พ.ย.) ที่สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) พร้อมด้วยนายกฤษณพงศ์ กีรติกร รมช.ศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับ ศ.(กิตติคุณ) ดร.สมหวัง พิธิยานุวัฒน์ ประธานคณะกรรมการบริหาร สทศ. รศ.ดร.สัมพันธ์ พันธุ์พฤกษ์ ผู้อำนวยการ สทศ. เพื่อตรวจเยี่ยมและติดตามการดำเนินงานของ สทศ. ว่า ที่ประชุมได้มีหารือถึงแนวคิดของผู้บริหารองค์กรหลักของ ศธ. ที่ได้เสนอให้มีการลดจำนวนกลุ่มสาระวิชาในการจัดสอบแบบทดสอบทางการศึกษา ระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-Net) จากเดิมสอบทั้งหมด 8 กลุ่มสาระ ให้เหลือเฉพาะ 4 วิชาหลัก ได้แก่ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาไทย และภาษาอังกฤษ ส่วนวิชาอื่นๆ เช่น สังคมศึกษา พลศึกษา สุขศึกษา เป็นต้นให้ทางโรงเรียนเป็นผู้จัดสอบเอง ซึ่งที่ประชุมได้มีแสดงความคิดอย่างกว้างขวาง โดยส่วนใหญ่เห็นด้วยแต่มีข้อเสนอว่าอยากให้ สทศ. จัดสอบวิชากลุ่มสาระสังคมศึกษา เนื่องจากในกลุ่มนี้มีวิชาย่อยที่สำคัญ เช่น ประวัติศาสตร์ หน้าที่พลเมือง ซึ่งก็ถือว่าเป็นวิชาที่สำคัญ ที่ควรจะใช้ข้อสอบกลางเดียวกันเพื่อให้เพื่อให้ได้มาตรฐานแต่อาจจะปรับสัด ส่วนให้น้อยลงและที่เหลือให้โรงเรียนจัดสอบ เพราะเนื้อหาบางส่วนเชื่อมโยงกับท้องถิ่น อีกทั้ง ในแต่ละพื้นที่มีบริบทที่แตกต่างกันโรงเรียนน่าจะออกข้อสอบได้สอดคล้องกับ วิถีชีวิตของเด็กและสามารถวัดผลได้ดีกว่า อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ยังไม่ถือเป็นข้อสรุปตนได้มอบให้ สทศ. นำแนวคิดดังกล่าว ไปหารือในที่ประชุมคณะกรรมการ สทศ. ว่ามีความเห็นอย่างไรและสรุปข้อเสนอว่าจะดำเนินการอย่างไรให้ ศธ. พิจารณา

“ขณะนี้ ศธ. กำลังจัดทำโครงการปฏิรูปสู่การปฏิบัติ กระจายอำนาจให้ 300 โรงเรียน ใน 20 เขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศ สามารถบริหารจัดการในทุกเรื่องด้วยตนเอง ซึ่งหลักสูตรการเรียนการสอนก็เป็นส่วนหนึ่งที่โรงเรียนจะต้องไปดำเนินการออก ให้สอดคล้องกับบริบทของแต่ละพื้นที่ ดังนั้น หากใช้ข้อสอบที่ออกโดยส่วนกลางทั้งหมด ก็อาจจะไม่สอดคล้องกับหลักสูตรของแต่ละพื้นที่ ส่วนข้อกังวลว่าหากให้โรงเรียนจัดสอบเอจะมีมาตรฐานไม่เท่าเทียมกัน และจะมีผลต่อการนำไปใช้ในการเข้าศึกษาต่อคิดว่าที่สุดแล้วผู้ใช้จะเป็นผู้ ตัดสินเองว่าจะพิจารณาใช้คะแนน O-Net วิชาใด ในสัดส่วนเท่าใด ซึ่งเรื่องนี้ยังเป็นรายละเอียดที่จะต้องมีการหารือต่อไป” รมว.ศึกษาธิการ กล่าว

พล.ร.อ.ณรงค์ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมได้หารือถึงการจัดการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติระดับอุดมศึกษา หรือ U-Net ซึ่งจะต้องเดินหน้าต่อแต่จะไม่มีการบังคับให้ต้องสอบทุกคน ให้เป็นเรื่องของความสมัครใจ เบื้องต้นจะเป็นการวัดสมรรถนะการสื่อสารด้านภาษาไทย และภาษาอังกฤษ ในระดับปริญญาตรี ทั้งนี้ แม้ที่ผ่านมาเคยมีการคัดค้านการสอบ U-Net แต่ก็ยังควรที่จะต้องมีการสอบเพื่อเป็นไม่บรรทัดวัดมาตรฐานของเราที่เทียบ เคียงมาตรฐานต่างประเทศได้ แต่ที่ผ่านมาเราเชื่อการวัดมาตรฐานของต่างประเทศมานาน ทั้งนี้ สทศ. จะต้องพยายามสร้างความน่าเชื่อถือ โดยเริ่มต้นจากให้สถานประกอบการเห็นความสำคัญของการสอบ U-Net และนำคะแนนไปใช้ในการพิจารณารับคนเข้าทำงาน ซึ่งหากทำได้เช่นนี้ต่อไปมหาวิทยาลัยและบัณฑิต ก็จะให้ความสำคัญมาสอบยูเน็ตมากขึ้น

ด้าน รศ.ดร.สัมพันธ์ กล่าวว่า การจัดสอบดังกล่าวยังไม่ได้เรียกว่าเป็นการจัดสอบ U-Net แต่เป็นการให้บริการสอบวัดสมรรถนะของ สทศ.ในรูปแบบหนึ่ง ซึ่งหากสถานประกอบการมีความพึงพอใจก็สามารถนำคะแนนไปใช้ในการพิจารณารับคน เข้าทำงานได้

 

 

ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์ 20 พฤศจิกายน 2557



“ณรงค์”สั่งลดวิชาโอเน็ต-ฟื้นสอบยูเน็ต

"เสมา1"ให้การบ้าน สทศ. ลดวิชาสอบโอเน็ต พร้อมฟื้นสอบยูเน็ตแต่ไม่บังคับสอบทุกคน ประเดิมวัดสมรรถนะภาษาไทย-อังกฤษ ชี้ใช้เครื่องมือต่างชาติมานานควรมีที่เป็นของไทยได้แล้ว ด้าน“สัมพันธ์”ย้ำยังไม่เรียกว่ายูเน็ต


วันนี้ (20 พ.ย.) ที่สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รมว.ศึกษาธิการ พร้อมด้วย ดร.กฤษณพงศ์ กีรติกร รมช.ศึกษาธิการ ได้เดินทางเข้าตรวจเยี่ยม และติดตามผลการดำเนินงานของ สทศ. พร้อมทั้งหารือถึงแนวคิดของผู้บริหารองค์กรหลักของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ที่ได้เสนอให้ปรับลดจำนวนกลุ่มสาระการเรียนรู้ในการจัดสอบแบบทดสอบทางการ ศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน หรือโอเน็ต จากเดิมสอบทั้งหมด 8 กลุ่มสาระฯ ให้เหลือเฉพาะ 4 วิชาหลัก ได้แก่ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาไทย และภาษาอังกฤษ ส่วนวิชาอื่นๆ เช่น สังคมศึกษา พลศึกษา สุขศึกษา เป็นต้น ให้ทางโรงเรียนเป็นผู้จัดสอบเอง โดย พล.ร.อ.ณรงค์กล่าวว่า ที่ประชุมได้มีการแสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง โดยส่วนใหญ่เห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าว แต่มีข้อเสนอแนะว่าอยากให้ สทศ. จัดสอบกลุ่มสาระสังคมศึกษาด้วย เนื่องจากในกลุ่มนี้มีวิชาย่อยที่สำคัญ เช่น ประวัติศาสตร์ หน้าที่พลเมือง ซึ่งถือเป็นวิชาที่สำคัญที่ควรใช้ข้อสอบกลางเดียวกันเพื่อให้ได้มาตรฐาน แต่อาจปรับสัดส่วนให้น้อยลง และที่เหลือให้โรงเรียนจัดสอบ เพราะมีบางวิชาที่มีเนื้อหาที่เชื่อมโยงกับท้องถิ่น และในแต่ละพื้นที่มีบริบทที่แตกต่างกัน ซึ่งโรงเรียนน่าจะออกข้อสอบได้สอดคล้องกับวิถีชีวิตของเด็ก และสามารถวัดผลได้ดีกว่า แต่ทั้งหมดยังไม่ถือเป็นข้อสรุป จึงได้มอบให้ สทศ. นำแนวคิดดังกล่าว ไปหารือในที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร สทศ. ว่ามีความเห็นอย่างไร จากนั้นให้สรุปข้อเสนอว่าจะดำเนินการอย่างไร เสนอ ศธ. พิจารณาต่อไป

“ขณะนี้ ศธ. กำลังจัดทำโครงการปฏิรูปสู่การปฏิบัติ โดยกระจายอำนาจให้ 300 โรงเรียน ใน 20 เขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศ สามารถบริหารจัดการในทุกเรื่องด้วยตนเอง ซึ่งหลักสูตรการเรียนการสอนก็เป็นส่วนหนึ่งที่โรงเรียนต้องไปดำเนินการออก ให้สอดคล้องกับบริบทของแต่ละพื้นที่ ดังนั้นหากใช้ข้อสอบที่ออกโดยส่วนกลางทั้งหมด ก็อาจจะไม่สอดคล้องกับหลักสูตรของแต่ละพื้นที่”รมว.ศึกษาธิการ กล่าวและว่า ส่วนข้อกังวลว่า หากให้โรงเรียนจัดสอบเอง ข้อสอบจะมีมาตรฐานไม่เท่าเทียมกัน และจะมีผลต่อการนำไปใช้ในการเข้าศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นนั้น ตนคิดว่าที่สุดแล้วผู้ใช้จะเป็นผู้ตัดสินเองว่า จะพิจารณาใช้คะแนนโอเน็ตวิชาใด และในสัดส่วนเท่าใด

พล.ร.อ.ณรงค์ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้หารือถึงการจัดการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติระดับ อุดมศึกษา หรือยูเน็ต โดยเรื่องนี้ต้องเดินหน้าต่อ แต่การสอบดังกล่าวจะไม่มีการบังคับให้สอบทุกคน โดยให้เป็นเรื่องของความสมัครใจ ซึ่งเบื้องต้นจะเป็นการจัดวัดสมรรถนะการสื่อสารด้านภาษาไทย และ ภาษาอังกฤษในระดับปริญญาตรีก่อน ทั้งนี้ในส่วนที่เคยมีการคัดค้านการสอบยูเน็ตนั้น ตนคิดว่ายังควรต้องมีการสอบ เพราะที่ผ่านมาเราเชื่อถือการวัดผลของต่างประเทศมาเป็นเวลานาน จึงคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องมีการสร้างรูปแบบการวัดผลที่ได้มาตรฐาน และเทียบเคียงกับต่างประเทศได้ โดย สทศ. ต้องสร้างความน่าเชื่อเถือโดยเริ่มต้นจากให้สถานประกอบการ เห็นความสำคัญของการสอบยูเน็ต และนำคะแนนไปใช้ในการพิจารณารับคนเข้าทำงาน ซึ่งหากทำได้เช่นนี้ต่อไปมหาวิทยาลัย และนักศึกษา ก็จะให้ความสำคัญมาสอบยูเน็ตมากขึ้น

รศ.ดร.สัมพันธ์ พันธุ์พฤกษ์ ผู้อำนวยการ สทศ. กล่าวว่า การจัดสอบดังกล่าวยังไม่ได้เรียกว่าเป็นการจัดสอบยูเน็ต แต่เป็นการให้บริการสอบวัดสมรรถนะของ สทศ.ในรูปแบบหนึ่ง ซึ่งหากสถานประกอบการมีความพึงพอใจก็สามารถนำคะแนนไปใช้ในการพิจารณารับคน เข้าทำงานได้

 

ที่มา เดลินิวส์ วันพฤหัสบดี 20 พฤศจิกายน 2557 เวลา 15:43 น.


โพสเมื่อ : 21 พ.ย. 57   อ่าน 1632 ครั้ง      คำค้นหา :