3.5พันโรงเรียนนำร่องลดเวลาเรียน เผย4รูปแบบกิจกรรมเสริม



วันที่ 1 กันยายน นายกมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) เปิดเผยว่า ตามที่ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) มีนโยบายปรับลดเวลาเรียนวิชาการในชั้นเรียนให้ถึงเวลาประมาณ 14.00 น.ช่วงเวลาหลังจากนั้นจะให้ทางโรงเรียนจัดกิจกรรมพัฒนาเด็กให้เหมาะสมตามวัย เพื่อให้เด็กได้เรียนอย่างมีความสุข ที่จะเริ่มในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2558 ว่า จะนำร่องในโรงเรียนระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาตอนต้นเป็นการศึกษาภาค บังคับ 3,500 โรงเรียน สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา 225 เขตทั่วประเทศจะเปิดรับสมัครโรงเรียนที่มีความพร้อมและสมัครใจเข้าร่วม โครงการนี้

นายกมล กล่าวว่า ในช่วงเช้าถึงเวลาประมาณ 14.00 น. นักเรียนจะได้เรียนวิชาการใน 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ หลังจากนั้นจะเป็นการทำกิจกรรมที่เน้นด้านปฏิบัติและบูรณาการ ในเบื้องต้น สพฐ.ได้กำหนดกิจกรรม 4 แบบ ได้แก่

1.กิจกรรมเสริมสร้างทักษะ ที่เน้นให้เด็กทำกิจกรรมนอกห้องเรียน โดยกิจกรรมจะเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เด็กได้เรียนรู้ในช่วงเช้าเพื่อให้เด็กมี ทักษะและลงมือปฏิบัติจริง อาทิ การทำโครงงาน การวาดรูป เล่นละครประวัติศาสตร์ เป็นต้น

2.กิจกรรมเสรี ให้โรงเรียนจัดตามความเหมาะสมและความพร้อม อาทิ ชมรมจิตอาสา ชมรมกีฬา เป็นต้น

3.กิจกรรมสอนอาชีพ ซึ่งมีโรงเรียนในสังกัด สพฐ.กว่าหมื่นโรงมีความต้องการเรื่องดังกล่าว โดยโรงเรียนอาจชักชวนผู้ปกครอง หรือภูมิปัญญาชาวบ้านเข้ามาร่วมให้ความรู้และสอนอาชีพแก่นักเรียน รวมกิจกรรมที่เกี่ยวกับการพัฒนาทักษะชีวิตด้วย

4.กิจกรรมสอนเสริมวิชาการ ที่เป็นการดูแลเด็กที่มีปัญหาเรียนอ่อนหรือสอนการบ้าน เป็นต้น ซึ่งแต่ละโรงเรียนสามารถเลือกกิจกรรมได้เอง เพื่อให้เหมาะสมกับบริบทของโรงเรียน

นายกมล กล่าวต่อว่า แนวทางนี้จะเป็นการพลิกโฉมการศึกษาอย่างชัดเจน โดยที่คุณภาพการศึกษายังคงอยู่ ขณะที่นักเรียนและผู้ปกครองมีความสุข แค่ครูอาจจะต้องเหนื่อยในช่วงแรก ซึ่งแผนการดำเนินงานต่อจากนี้จะหารือกับ พล.อ.ดาว์พงษ์ ในการกำหนดแผนขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวให้เกิดผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม

สพฐ.ได้ตั้งคณะทำงานพร้อมจัดทำคู่มือการบริหารจัดการเรื่องการลดเวลา เรียนให้แก่สถานศึกษาได้นำไปเป็นแนวทางสู่การปฎิบัติรวมถึงตารางกิจกรรมการ เรียนการสอนให้ครูได้นำไปประยุกต์ใช้ ขณะเดียวจะเปิดเว็บไซต์รับฟังความคิดเห็นจากนักเรียนและผู้ปกครองว่าอยากได้ กิจกรรมรูปแบบไหน อย่างไรก็ตามตนจะเรียกประชุมผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา 225 เขต และโรงเรียนประถมศึกษาที่นำร่องในเรื่องดังกล่าวมารับฟังแนวปฏิบัติ เพื่อขับเคลื่อนให้เกิดผลสำเร็จในอนาคต

“สพฐ.มีแนวทางชัดเจนว่าการจัดกิจกรรมจะต้องไม่เก็บเงินจากผู้ปกครองแม้ แต่บาทเดียวโรงเรียนจะต้องมีความพร้อมในการจัดและ สพฐ.จะสนับสนุนตามความเหมาะสม ทุกกิจกรรมจะออกแบบให้มีความเหมาะสมกับผู้เรียน ไม่ได้ปล่อยให้เด็กมีอิสระ แต่มีครูดูแลเด็กอย่างใกล้ชิด ยืนยันว่าเด็กนักเรียนทุกคนยังคงมาเรียนและกลับบ้านเวลาเดิม”

 

 

ที่มา มติชนออนไลน์ วันที่ 1 กันยายน 2558 


โพสเมื่อ : 02 ก.ย. 58   อ่าน 1461 ครั้ง      คำค้นหา :