"ณรงค์" สั่ง สพฐ.ติดตามสอบทุจริตสนามฟุตซอล ห่วงครู บุคลากร ร.ร.เป็นแพะรับบาป
รมว.ศธ. สั่ง สพฐ.
ดูแลการสืบสวนกรณีทุจริตสนามฟุตซอล รายงานข้อมูลเป็นรายเขตทั้ง 34
เขตพื้นที่การศึกษาที่มีการก่อสร้าง ห่วงครูและบุคลากรของ ร.ร.
อาจตกเป็นแพะรับบาป สั่ง สพฐ. เข้าไปช่วยดูแลด้านกฎหมาย
วันนี้ (22 ต.ค.) นายกมล รอดคล้าย เลขาธิการ
คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.)
เปิดเผยความคืบหน้าการสอบข้อเท็จจริงกรณีการก่อสร้างสนามฟุตซอลโรงเรียน
สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)
ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดอุตรดิตถ์ว่า
ตนได้รับข้อมูลเบื้องต้นของคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริง 2
ชุดที่ได้รายงานมาแล้วส่วนใหญ่ข้อมูลจะคล้ายกับข้อมูลที่ปรากฏในสื่อมวลชนจะ
เจอสภาพปัญหาเดียวกันข้อมูลไม่ได้ผิดเพี้ยนกัน ซึ่งในเรื่องนี้ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รม
ว.ศึกษาธิการ ได้สอบถามข้อมูลในที่ประชุมผู้บริหาร 5 องค์กร
หลักของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และได้สั่งการให้ สพฐ.
ลงไปดูแลเรื่องนี้ให้ใกล้ชิดมากขึ้นเนื่องจากว่าแม้เรื่องที่เกิดจะอยู่ใน
พื้นที่แต่ก็ถือว่าเกิดในพื้นที่ของ สพฐ. และ ศธ.
อีกทั้งคนที่เกี่ยวข้องก็เป็นคนของ ศธ.
“รม
ว.ศึกษาธิการ ได้ขอให้สพฐ.
แจ้งเขตพื้นที่การศึกษาทุกแห่งที่มีการก่อสร้างสนามฟุตซอล
ทำรายงานโดยละเอียดเป็นรายเขตพื้นที่การศึกษาเสนอมา ทั้งนี้ ในส่วนของ สพฐ.
ที่ได้ตั้งคณะกรรมการสืบหาข้อเท็จจริง 2
ชุดลงไปตรวจสอบในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาและอุตรดิตถ์ไปแล้วนั้น
ผมได้สั่งการเพิ่มให้คณะกรรมการสืบหาข้อเท็จจริงชุดดังกล่าวไปดูข้อมูลให้
ครบ 37 เขตพื้นที่การศึกษา ที่ได้รับงบประมาณในการสร้างสนามฟุตซอลครั้งนี้
ด้วย” นายกมล กล่าว
นายกมล กล่าวต่อว่า
ในส่วนของ ป.ป.ท. ที่จะจัดส่งรายชื่อ 727 ราย มายัง สพฐ. นั้น
ยังไม่ได้รับแต่เมื่อส่งมาถึง สพฐ.
จะส่งเรื่องให้แต่ละเขตพื้นที่การศึกษาในฐานะผู้บังคับบัญชาโดยตรงดำเนินการ
ตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามขั้นตอนเป็นรายเขตพื้นที่การศึกษาไป แต่
รมว.ศึกษาธิการ ให้ความเห็นว่า
คนเหล่านี้พบกับปัญหานี้โดยที่บางคนอาจจะไม่มีความรู้
หรือมีความเข้าใจเพียงพอ สพฐ.
อาจต้องไปคิดระบบเพื่อตั้งทีมงานไปช่วยดูเรื่องนี้อย่างไรบ้าง เช่น
อาจจะมีทีมนิติกร นักวิชาการเข้าไปช่วยให้คำแนะนำ
ไม่เช่นนั้นก็จะเหมือนกับว่าเราปล่อยให้พวกเขาจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง
เลขาธิการ กพฐ.
กล่าวต่อว่า ข้อมูลของ ป.ป.ท. แจ้งมาว่าผู้ที่มีรายชื่อ 727 คน
อาจจะเข้าข่ายมากน้อยต่างกันตามกฎหมายก็ไม่ต้องตั้งคณะกรรมการสืบหาข้อเท็จ
จริง
เพราะถือว่าสืบหาข้อเท็จจริงแล้วสามารถตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยได้เลย
เพราะเข้าใจว่าข้อมูลของ ป.ป.ท.
จะแจ้งมาว่ามีใครเกี่ยวข้องบ้างในแต่ละโรงเรียนและพื้นที่
ส่วนหากกรณีรายชื่อที่แจ้งมาอาจมีผู้บริหารในเขตพื้นที่การศึกษาอยู่ด้วย
และเป็นตำแหน่งระดับ 9 ทาง สพฐ. ก็ต้องตั้งกรรมการสอบสวนเองตามอำนาจ
อย่างไรก็ตาม จากปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้น รมว.ศธ.
แสดงความเป็นห่วงว่าในการจัดซื้อจัดจ้างจากงบกระตุ้นเศรษฐกิจประมาณ 8
พันล้านบาท ในส่วนของโรงเรียนทั่วประเทศที่จะได้รับงบซ่อมแซมอาคารเรียน
ห้องน้ำ โดยตนได้แจ้งว่า สพฐ.
คงไม่สามารถปล่อยให้โรงเรียนดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างกันเองไม่ได้แล้ว
ดังนั้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นอีกตนจึงขออนุญาต พล.ร.อ.ณรงค์
ตั้งคณะกรรมการลงไปควบคุมกำกับดูแลการจัดซื้อจัดจ้าง และจัดส่งวิศวกร สพฐ.
ลงไปในแต่ละพื้นที่เพื่อช่วยกันตรวจการก่อสร้าง
ซ่อมแซมจะได้ไม่เกิดปัญหาอีก
พล.ร.อ.ณรงค์ กล่าวว่า
สพฐ. ได้รายงานความคืบหน้าการตรวจสอบ ปัญหาการจัดสร้างสนามฟุตซอล
โดยตั้งกรรมการลงไปติดตามตรวจสอบทุกเขตพื้นที่ ยืนยันว่า ศธ. ไม่ได้ละเลย
แม้จะเป็นเรื่องที่เกิดตั้งแต่ พ.ศ. 2555
แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วเป็นประเด็นทางเราก็จะเข้าไปดูแลเรื่องนี้
ส่วนหน่วยงานอื่นที่เข้ามาตรวจสอบ
ก็จะมีการประสานงานว่าดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย
หรือการตรวจสอบทางวินัยจะต้องมีขั้นตอนอย่างไร
ให้คณะกรรมการดำเนินการไปตามระเบียบข้อบังคับนั้นไม่ได้ละเลย ทั้ง
นี้ ส่วนตัวมีความเป็นห่วงครู หรือบุคลากรทางการศึกษา
ของเราที่อาจจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพราะอย่างที่เรารู้ๆ กันว่า
ฟุตซอลเป็นผลทางการเมือง มีการแบ่งสันปันส่วนกัน ซึ่งตนคงไม่ลงลึก
เมื่อเรื่องแดงขึ้นมา คนที่ตกเป็นแพะรับบาป ก็คือ ครู
บุคลากรที่อยู่ในโรงเรียน ซึ่งทำหน้าที่เป็นกรรมการตรวจรับ
ทั้งที่บางคนไม่มีความรู้ในเรื่องนี้
เพราะฟุตซอลเป็นเรื่องที่ไกลเกินตัวในขณะนั้น
เกินความสามารถของคนเหล่านั้นที่จะไปรู้รายละเอียดการก่อสร้าง อาทิ
พื้นสนามควรมีความหนา หรือมีคุณสมบัติอย่างไร ไม่ได้มีเจตนาที่จะทุจริต
ดังนั้น สพฐ. ก็ต้องหาพี่เลี้ยงช่วยเหลือคนเหล่านี้ด้วย
“อยากให้เอาเรื่องสนามฟุต
ซอลเป็นบทเรียน ของการดำเนินการตามงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยในส่วนของ
ศธ. ได้รับงบประมาณ ซ่อมสร้างอาคารเรียนมาประมาณหมื่นกว่าล้านบาท
ในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.)
และสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ประมาณไม่มาก
และมีบุคลากรที่มีความรู้ด้านงานก่อสร้างอยู่ แต่ส่วนของ สพฐ.
โดยเฉพาะโรงเรียนขนาดเล็กจำนวนมาก อยากให้ สพฐ. เขาไปช่วยดูแล
เพราะไม่อยากให้เกิดปัญหาเหมือนสนามฟุตซอล
และคิดว่าการซ่อมสร้างอาคารเรียนน่าจะเป็นเทคนิคที่ครู และบุคลากร
น่าจะพอทราบ และตรวจสอบได้ เพราะไม่ซับซ้อนเหมือนเรื่องฟุตซอล”
พล.ร.อ.ณรงค์ กล่าวและว่า ส่วนมาตรการระยะยาวในการแก้ปัญหาทุจริต
การจัดซื้อจัดจ้างหรือฮั้วประมูลในหน่วยงานสังกัด ศธ. นั้น
การจัดซื้อจัดจ้างต่างๆ มีระเบียบที่เป็นมาตรการที่ป้องกันอยู่แล้ว
ถ้าไม่ทำก็มีคนเข้าไปตรวจสอบ หรือถ้าไม่ตรวจสอบเรื่องก็แดงเหมือนสนามฟุตซอล
แต่แม้จะมีระเบียบก็อาจจะยังไม่เพียงพอ ดังนั้น สำหรับโครงการต่างๆ
ที่มีปัญหา ต่อไปศธ.
เองก็อาจจะตั้งทีมงานเฉพาะกิจเข้าไปดูแลติดตามประเมินผลการใช้จ่ายงบประมาณ
หากรายงานแล้วว่าไม่มีปัญหาหน่วยงานนี้ก็สลายตัวไป
ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์ 22 ตุลาคม 2557 |
โพสเมื่อ :
23 ต.ค. 57
อ่าน 1458 ครั้ง คำค้นหา :
|
|