ปรับโครงสร้าง ศธ.ใครได้ประโยชน์
นายอมรวิชช์
นาครทรรพ โฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ปฏิรูปการศึกษาและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
กล่าวว่า ในสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) ทุกคนให้ความสำคัญกับการศึกษามาก
และในร่างเนื้อหาด้านการศึกษาที่เสนอไปนั้น ผ่านความเห็นของ
กมธ.ทุกด้านไม่ได้มีการตัดแก้อะไรมาก
และจะมีประชุมเพื่อรวบรวมความเห็นเสนอต่อ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ
ระหว่างวันที่ 15-17 ธ.ค.57 นี้ และการดำเนินงานด้านการศึกษา
ถือว่ามีการประสานงานกันระหว่างกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)
สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และ สปช.เป็นอย่างดี
ทำให้แนวคิดเรื่องการศึกษาเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และทำงานได้ง่ายขึ้น
ทั้งนี้ เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญด้านการศึกษาในครั้งนี้ ก็คือ
การขจัดการทุจริตคอร์รัปชันในระบบการศึกษา สร้างธรรมาภิบาล
และก่อประโยชน์สูงสุดแก่ผู้เรียนและประเทศชาติ
และยังคงที่จะต้องแก้ปัญหาการเรื่องความเหลื่อมล้ำ
การแก้ปัญหาเรื่องคุณภาพการศึกษาที่ไม่ใช่เพียงเรื่องของวิชาการอีกต่อ
แต่เรียนจบไปต้องสามารถหางานทำได้ และสุดท้ายคือการพัฒนาระบบบริหารจัดการ
เพื่อให้การปฏิรูปการศึกษาในครั้งนี้ประสบความสำเร็จ
นายอมรวิชช์ กล่าวต่อว่า สำหรับในเรื่องของการปรับโครงสร้าง ศธ.
ตนคิดว่าหากปรับโครงสร้างแล้วเกิดผลลัพธ์ที่ดีขึ้น เช่น
ใช้ทรัพยากรในการบริหารจัดการน้อยลง ทำงานได้มีคุณภาพมากขึ้น
ลดการทุจริตลงได้ หากปรับโครงสร้างความสามารถทำเรื่องเหล่านี้ได้
ก็ควรที่จะปรับ แต่หากว่าปรับไปแล้วแต่ยังคงมีปัญหาเรื่องทุจริต
ทำงานไม่มีคุณภาพก็ไม่ควรทำ
อย่างไรก็ดี การปรับโครงสร้างในความเห็นของตนคือ
ต้องทำไปโดยเห็นประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง
ไม่ใช่ทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง ซึ่งจากการที่ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย
รมว.ศึกษาธิการ ได้มอบให้แต่ละองค์กรของ ศธ.
ไปศึกษาเรื่องของการปรับโครงสร้าง
สุดท้ายแล้วก็จะนำข้อมูลเหล่านั้นมาวัดโดยผ่าน 3 หลักเกณฑ์ คือ
1.ประโยชน์ของประชาชน 2.การจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ
3.การแก้ปัญหาคอร์รัปชัน หากเข้าเกณฑ์ 3 ข้อดังกล่าวได้
ก็ควรที่จะให้มีการปรับโครงสร้าง เพราะหากถามความเห็นของ สปช.
ผมคิดว่าการจะดำเนินการอะไร ควรที่จะมีเกณฑ์ขึ้นมากำกับ
เพื่อทำให้การดำเนินการนั้นก่อประโยชน์อย่างแท้จริง
ที่มา สยามรัฐ วันที่ 15 ธันวาคม 2557 |
โพสเมื่อ :
16 ธ.ค. 57
อ่าน 1488 ครั้ง คำค้นหา :
|
|