ศธ.-ยืนยัน มีขรก.หญิงรวมหัว 5 คน โกง 88 ล้าน! เงินตกเขียว

รมว.ศึกษาธิการพร้อม ปลัดกระทรวงฯ ตั้งโต๊ะแถลงข่าวทุจริต “เงินตกเขียว” เผยการตรวจสอบพบเจ้าหน้าที่ยักยอกเงินเข้าบัญชีตัวเองและญาติพี่น้องถึง 88 ล้าน บาท โดยรวมหัวกันโกง 5 รายแต่มีผู้รับสารภาพแล้ว เป็นข้าราชการหญิงซี 8 1 ราย สั่งตรวจสอบกองทุนอื่นๆ หาทางอุดช่องโหว่ หวั่นมีทุจริตเหมือนกัน เตรียมเยียวยาผู้ที่ได้รับทุนแต่ไม่ได้เงิน

ที่กระทรวงศึกษาธิการ เมื่อวันที่ 9 มี.ค. นพ. ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ พร้อมด้วยนายการุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ แถลงข่าวกรณีกลุ่มตรวจสอบภายในสำนักงานปลัดกระทรวง ตรวจสอบบัญชีงบประมาณ ประจำปี 2560 ของสำนักงานปลัดฯ แล้วพบมีการทุจริตเงินกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต ตั้งแต่ปี 2551-2561 ว่า กองทุนฯดังกล่าวดำเนินการมาเป็นเวลา 15 ปี จัดสรรเงินช่วยเหลือให้กับผู้ยากจนที่ต้องการพัฒนาคุณภาพชีวิต อีกส่วนเป็นทุนสำหรับเด็กหญิงที่อยู่ในสภาวะยากลำบาก หรือเด็กตกเขียว ให้มีทุนการศึกษาในระดับวิชาชีพ และให้ทุนกับสถาบันการศึกษาที่สอนด้านครู พยาบาล

นพ.ธีระเกียรติกล่าวว่า กองทุนฯดังกล่าวใช้งบประมาณเริ่มต้นจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลจำนวน 600 ล้านบาท เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กลุ่มตรวจสอบบัญชีได้ตรวจพบการยักยอกโอนเงินเข้าบัญชีพรรคพวก ญาติพี่น้องตนเองของข้าราชการที่รับผิดชอบงานในโครงการรวมเป็นเงินกว่า 88 ล้านบาท เฉพาะปี 2560 เป็นเงินกว่า 12 ล้านบาท ทันทีที่ทราบปัญหา ได้สั่งการให้ปลัดฯแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทันทีในหลายกระทง รวมถึงส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่ออายัดทรัพย์ในบัญชีที่เกี่ยวข้องและตรวจสอบไปพร้อมกัน

รมว.ศธ.กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบพบข้าราชการฝ่ายปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ จำนวน 5 ราย มีข้าราชการที่รับผิดชอบเรื่องนี้มาโดยตลอด รับสารภาพแล้วว่ายักยอกเงินไปจริง 1 ราย จะต้องมีการตั้งคณะกรรม การสืบข้อเท็จจริงว่ามีใครเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้บ้าง ตั้งข้อสังเกตว่าไม่น่าจะทำเพียงลำพังคนเดียว พร้อมกันนี้ ได้มีการย้ายข้าราชการทั้ง 5 ราย ไปปฏิบัติหน้าที่ยังหน่วยงานอื่นแล้ว สำหรับผู้ ที่รับสารภาพแล้ว 1 รายนั้น เป็นข้าราชการหญิงระดับซี 8 ถือว่ามีโทษร้ายแรงขั้นไล่ออกจากราชการและต้องถูกดำเนินคดีทางกฎหมายด้วย ขณะเดียวกันหากมีการตรวจสอบแล้ว พบมีการโอนเงินเข้าบัญชีบุคคลใดอย่างไม่ถูกต้อง เจ้าของบัญชีปลายทางที่รับโอนเงินก็ถือว่ามีความผิดด้วย

“กรณีนี้เป็นการทุจริตที่เกิดขึ้นนี้เกิดในระดับปฏิบัติการ ผ่านเรื่องมาปลัดฯ อนุมัติเงินเพื่อส่งให้เด็ก แต่ฝ่ายปฏิบัติเป็นผู้โอนเงิน แทนที่จะโอนเงินเข้าบัญชีผู้รับทุนก็โอนเงินให้กับพรรคพวกและญาติพี่น้องของตัวเอง ฝ่ายตรวจสอบบัญชีได้ตรวจพบสิ่งผิดปกติ จึงตรวจสอบย้อนหลังพบว่า มีการโอนเงินให้กับผู้ รับทุนไปเพียง 77 ล้าน แต่มีการยักยอกเงินเข้าบัญชีตัวเองและญาติพี่น้องถึง 88 ล้านบาท ได้สั่งการให้ปลัดฯ ไปแจ้งความในหลายกระทง รวมถึงดำเนินการวินัยกับผู้ที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่หัวหน้าของเจ้าหน้าที่รายนี้ จะต้องไปตรวจสอบว่า มีความเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ขณะเดียวกัน ยังสั่งการให้ไปตรวจสอบด้วยว่า บัญชีผู้รับทุนมีจำนวนเท่าไร ผู้รับทุนได้รับเงินที่ควรจะได้หรือไม่ หากไม่ได้รับจะให้ผู้รับทุนไปแจ้งความว่ามีการยักยอกเงินด้วยและยังได้สั่งการให้ปลัดฯตรวจสอบไปยังกองทุนฯอื่นๆด้วยว่า มีการทุจริตเกิดขึ้นหรือไม่ ดูระบบการโอนเงินว่ามีการรั่วไหลได้ที่ช่องทางใดบ้าง ส่วนผู้ที่รับทุนแต่ไม่ได้รับเงิน ได้มอบหมายให้ปลัดฯดูด้วยว่ามีช่องทางใดที่จะเยียวยาได้บ้าง” นพ. ธีระเกียรติกล่าว

ด้านนายการุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า จะไปตรวจสอบบัญชีปลายทางของบุคคลที่โอนไป 19-20 บัญชีบุคคล มีเด็กที่ได้เงินจากกองทุนไปแล้วกี่คน ไม่ได้กี่คน โดยสำรวจทั้ง 3 กลุ่มสถานศึกษา ได้แก่ กลุ่มโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ กลุ่มโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์และกลุ่มวิทยาลัยพยาบาล เมื่อได้ตัวเลขแล้วจะนำเข้าสู่คณะกรรมการกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต พิจารณาว่าจะมีช่องทางการเยียวยาอย่างไรบ้าง ส่วนขั้นตอนการจ่ายเงินกองทุนฯ นั้น จะต้องมีการหารือที่ประชุมคณะกรรมการกองทุนฯ ว่าจะอนุมัติทุนกี่ราย ใครบ้างและเป็นมติของที่ประชุมเสนอผู้บริหารอนุมัติเห็นชอบ จากนั้นฝ่ายปฏิบัติ ได้แก่ กองคลัง สำนักอำนวยการของ สป.ศธ. จะดำเนินการเบิกจ่ายตามขั้นตอน จากการตรวจสอบการโอนเงินของกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต ย้อนหลังตั้งแต่ปี 2551 ถึงเดือน มี.ค.2561 พบว่า มีการอนุมัติเงิน 166,347,721 บาท เป็นการโอนเงินเข้าบัญชีหน่วยงาน 77,531,072 บาท และเป็นการโอนเงินเข้าบัญชีบุคคล 88,816,640 บาท เบื้องต้นพบเป็นบัญชีญาติของข้าราชการที่รับสารภาพ

ที่มา : นสพ.ไทยรัฐ