อาชีวะ หนุนศึกษาอุตสาหกรรมยานยนต์
อาชีวะ หนุนศึกษาอุตสาหกรรมยานยนต์
อีกไม่กี่วันก็จะสิ้นเดือน อันเป็นการบ่งบอกถึงการเดินทางมาครึ่งปีหรือไตรมาส 2 ของปีนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวงการอุตสาหกรรมยานยนต์เราที่นับว่าให้ความสำคัญมาก เพราะว่าเป็นช่วงการประเมินผลงานของแต่ละค่ายเพื่อเปรียบเทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันของแต่ละเดือนและปีที่ผ่านมา ศุกร์สุดท้ายก่อนสิ้นไตรมาส 2 นี้ ผมมีข่าวจากกรมการอาชีวศึกษามาฝากท่านผู้อ่าน นั้นคือ สอศ. หรือสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ได้ลงนามความร่วมมือจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีด้านอุตสาหกรรมยานยนต์กับ บริษัท ซันชิโร่ (ประเทศไทย) เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้และฝึกปฏิบัติงานของนักเรียน นักศึกษา แต่ก่อนจะเข้าสู่ประเด็นหลักที่ได้จั่วหัวเรื่องไว้ ผมมีข่าวคราวความเคลื่อนไหวในวงการอุตสาหกรรมยานยนต์มาฝากอีก นั่นคือรายงานสถิติยอดการจำหน่ายรถยนต์ของช่วงเวลาที่ผ่านมาของปีนี้ 2557 โดยในเดือนที่ผ่านมา พ.ค. มียอดการจำหน่ายรถยนต์รวมทั้งสิ้น 69,681 คันลดลง 37.7% คุณวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท โตโยต้ามอเตอร์ ประเทศไทยจำกัด เปิดเผยว่า จากยอดขายรถยนต์ประจำเดือน พ.ค. จะเห็นว่ามียอดการจำหน่ายลดลง โดยยอดขายรถยนต์นั่ง 29,330 คันรถเพื่อการพาณิชย์ 40,351 คัน รวมทั้งรถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซกเมนท์นี้ จำนวน 32,963 คัน ประเด็นสำคัญคือ ตลาดรถยนต์เดือน พ.ค. ยอดขายลดลง 37.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตลดลง 44.4% ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเติบโตลดลง 31.7% เป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัว ประกอบกับเหตุการณ์ทางการเมืองช่วงปลายเดือนที่ส่งผลทางด้านจิตวิทยาต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคซึ่งมีผลถึงตลาดรถยนต์ สำหรับตลาดรถยนต์ในเดือน มิ.ย. นั้นมีแนวโน้มทรงตัว แม้ว่าสถิติดัชนีการขายตามฤดูกาลชี้ว่าตลาดรถยนต์เดือน มิ.ย. จะมียอดขายสูงสุดของไตรมาสสอง ประกอบกับสถานการณ์ทางการเมืองที่ดูผ่อนคลายจะส่งผลเชิงบวกทางด้านจิตวิทยาต่อผู้บริโภค แต่อย่างไรก็ดีสภาพเศรษฐกิจโดยรวมในประเทศที่ชะลอตัวต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปี คงต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นตัวทั้งจากมาตรการการกระตุ้นของภาครัฐ และความเชื่อมั่นจากภาคเอกชน คุณวุฒิกร กล่าว เอาล่ะครับคงต้องคอยดูกันต่อสำหรับช่วงระยะเวลาที่เหลือจากนี้ไปสำหรับครึ่งปีหลังที่เหลือ ซึ่งคาดว่าคงจะไม่มีเหตุการณ์อะไรเลวร้ายมากไปกว่านี้... มาเข้าเรื่องกันต่อเลยครับกับ สอศ.ที่ได้ลงนามความร่วมมือจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีด้านอุตสาหกรรมยานยนต์กับ บริษัท ดับบลิว.ซี.เอส.ซันชิโร่ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้และฝึกปฏิบัติงานของนักเรียน นักศึกษา พร้อมก้าวสู่โลกอาชีพ ในเรื่องนี้ ดร.อกนิษฐ์ คลังแสง รองเลขาธิการ (สอศ.) เปิดเผยว่า การลงนามความร่วมมือครั้งนี้ภาคเอกชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาการอาชีวศึกษา โดยสร้างโอกาสการพัฒนาขีดความสามารถของนักศึกษาของ สอศ.ในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) สาขาวิชาเทคนิคอุตสาหกรรม สาขาช่างกลโรงงาน สาขาช่างเชื่อม และสาขาช่างไฟฟ้า โดยนำร่องที่วิทยาลัยการอาชีพร้อยเอ็ด และขยายผลไปยังสถานศึกษาในสังกัด โดยรับนักศึกษาเข้าฝึกปฏิบัติงานกับบริษัทฯ รุ่นละ 15-20 คน สัปดาห์ละ 5 วัน เป็นระยะเวลา 2 ปี เมื่อจบการศึกษาและผ่านเกณฑ์การประเมินของบริษัทฯ จะได้รับการบรรจุเป็นพนักงานต่อไป นับว่าความร่วมมือจัดการอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีครั้งนี้ นักศึกษาจะได้เรียนรู้และฝึกปฏิบัติงานด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยเกี่ยวกับเครื่องมือและอุปกรณ์ในธุรกิจยานยนต์ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการประกอบอาชีพในอนาคตต่อไป ด้าน คุณอรรถการ ตฤษณารังสี ประธานกรรมการ บริษัท ดับบลิว.ซี.เอส.ซันชิโร่ฯ กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการนำเข้าส่งออก จำหน่ายและให้บริการหลังการจำหน่ายอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจยานยนต์ ให้กับศูนย์บริการและศูนย์ฝึกอบรมของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์และผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ยี่ห้อต่างๆ โดยนักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับความรู้และฝึกปฏิบัติงานด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย อาทิ กล่องดำเพื่อความปลอดภัย เครื่องทดสอบการทรงตัวของรถ (พื้นเอียง) เครื่องดึงตัวถังรถยนต์ เครื่อง EC-DESIGN ชุดวัดมิติรถยนต์แบบ 3D และห้องพ่นอบสีรถยนต์ โดยมีผู้เชี่ยวชาญทั้งในประเทศและต่างประเทศที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี มาให้ความรู้ด้วยวิธีการบรรยายในห้อง การสาธิต การปฏิบัติจริง นอกจากนี้ก็ยังมีการทำ Work shop ที่ศูนย์ปฏิบัติงานจริง On job Training การทดสอบความรู้ความเข้าใจโดยใช้แบบทดสอบ และการประเมินผลภาคปฏิบัติ พร้อมได้รับสวัสดิการต่างๆ ได้แก่ ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าเทอมค่าหนังสือ และเมื่อสำเร็จการศึกษา บริษัทฯ จะคัดเลือกและบรรจุเป็นพนักงาน ในตำแหน่งต่างๆ ดังนี้ ตำแหน่งครูฝึก อัตราเงินเดือน 15,000-20,000 บาท และตำแหน่งควบคุมเครื่องจักร ช่างไฟฟ้า และช่างเทคนิค อัตราเงินเดือน 12,000-18,000 บาท อีกด้วย
ที่มา: หนังสือพิมพ์บ้านเมือง |
โพสเมื่อ :
27 มิ.ย. 57
อ่าน 1419 ครั้ง คำค้นหา :
|
|