รมว.ปัดข่าวลือ ปรับแก้กระทรวงศึกษาธิการหลังม็อบต้าน



รมว.ศึกษาธิการเดือดจวกพวกแชร์ข้อมูลการปรับโครงสร้างกระทรวงศึกษาธิการ ระบุเป็นข้อมูลมั่ว และสร้างความวุ่นวายสับสนให้กับบุคลากรทางการศึกษา ยํ้าเรื่องดังกล่าวยังไม่ได้ข้อสรุป เตรียมประสานกระทรวงดีอีตรวจสอบหาต้นตอมือเผยแพร่ข้อมูลเพื่อดำเนินคดี

กรณีกลุ่มบุคลากรทางการศึกษาทั่วประเทศ รวมตัวแต่งชุดดำยืนหน้าเสาธงของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ถือป้ายคัดค้านร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ รวมถึงการปรับโครงสร้างกระทรวงศึกษาธิการ ในขณะที่รักษาการเลขาธิการ กพฐ.ออกมายืนยันว่าเรื่องการปรับโครงสร้าง ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย ยังไม่มีข้อสรุป ไม่อยากให้ขยายผลข้อมูลเท็จเพราะจะเกิดผลเสียกับองค์กรนั้น

เมื่อวันที่ 29 ต.ค. นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า ไม่เข้าใจว่าผู้ที่ออกมาคัดค้านเข้าใจถึงการดำเนินการของกระทรวง ในเรื่องนี้ดีแล้วหรือไม่ ขณะนี้เรื่องดังกล่าวยังไม่ได้ข้อยุติ ว่าจะมีแนวทางการปรับโครงสร้างกระทรวงในภูมิภาคอย่างไร เมื่อยังไม่ได้ข้อยุติจะมีผลกระทบอะไร ข้อมูลเอกสารที่มีการแชร์ผังโครงสร้างกระทรวงในโซเชียลนั้น ยืนยันว่าเป็นเอกสารเท็จ การประชุมปรับโครงสร้างกระทรวงในภูมิภาค ยังไม่ได้เริ่มการประชุมแบบจริงจัง ได้ประสานนายพุฒิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ดำเนินการตรวจสอบและดำเนินคดีกับผู้ที่นำเอกสารเท็จมาเผยแพร่ในโซเชียล เพราะทำให้เกิดความวุ่นวายเสียหาย ถือเป็นการเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ทุกคนที่มีเอกสารเท็จนี้อยู่ขอให้หยุดเผยแพร่

“เอกสารที่เผยแพร่ออกไป ไม่เข้าใจว่าหลุดไปได้อย่างไร เพราะยังไม่ได้มีการประชุมหารือกัน ดังนั้น ถือว่าเป็นเอกสารที่ปลอมกันขึ้นมา ที่กลุ่มผู้คัดค้านบอกว่าผมจะยุบเลิกเขตพื้นที่การศึกษานั้น ยืนยันว่าเป็นความเข้าใจผิด เพราะนโยบายตนในการปรับโครงสร้าง ต้องการลดความซ้ำซ้อน ลดงบประมาณ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนงานการศึกษาไปในทิศทางเดียวกัน อย่าจินตนาการการเปลี่ยนแปลงไปอย่างอื่น ทุกอย่างที่ทำมุ่งประโยชน์ของเด็กและประโยชน์ขององค์กรในระยะยาว ส่วนเรื่องนี้จะเป็นการเมืองภายในกระทรวงหรือไม่ ก็อาจเป็นไปได้ เพราะเป็นความพยายามให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง” รมว.ศธ.กล่าว

ต่อข้อถามว่า เมื่อ รมว.ศธ.ยังตอบไม่ได้ว่าจะมีคณะกรรมการศึกษาธิการ หรือสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) หรือไม่ แต่มีการตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 เพื่อจัดสร้างอาคารสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) กว่า 30 แห่งด้วยงบประมาณกว่า 500 ล้านบาทเอาไว้ทำไมนั้น นายณัฏฐพลกล่าวว่า เรื่องนี้อภิปรายในสภาฯแล้ว หากงบประมาณที่เสนอไปไม่คุ้มค่าต่อการใช้ ในส่วนนี้ก็พร้อมที่จะคืนสำนักงบประมาณ ส่วนงบฯจ้างครูธุรการที่โดนตัดไปนั้นไม่ต้องกังวล กระทรวงเตรียมเสนอแปรญัตติงบประมาณในวาระ 3 ของการประชุมพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ไว้แล้ว โดยตนยืนยันบริหารจัดการได้ไม่มีผลกระทบแน่นอน

เย็นวันเดียวกัน ที่กระทรวงศึกษาธิการ ตัวแทนกลุ่มสมาคมผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งประเทศไทย (ส.บ.ม.ท.) ชมรมผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาแห่งประเทศไทย สมาคมนักบริหารงานการศึกษาขั้นพื้นฐานแห่งประเทศไทย สมาคมผู้บริหารเขตพื้นที่การศึกษา สมาคมผู้บริหารมัธยมเขตพื้นที่การศึกษาแห่งประเทศไทย ประมาณ 30 คน เข้าพบนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ขอให้ทบทวนและคัดค้านการปรับโครงสร้างกระทรวง

นายรัชชัยย์ ศรสุวรรณ นายก ส.บ.ม.ท. กล่าวว่า ต้องการให้มีผู้แทนครูและผู้บริหารเขตพื้นที่ได้เข้ามาเป็นตัวแทนใน กศจ.ด้วย มองว่าการไม่มีผู้แทนครูอยู่ในบอร์ด กศจ. แม้แต่คนเดียวเหมือนเป็นการหมิ่นเกียรติครู และทำไมต้องให้ผู้บริหารส่วนราชการอื่นมาบริหารครู เก่งกว่า ดีกว่าตรงไหนและขอเพิ่มเขตพื้นที่มัธยมฯให้ครบทุกจังหวัด ขณะที่นายธนชน มุทาพร ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) ชัยภูมิ เขต 1 ในฐานะประธาน ชมรมผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากล่าวว่า สพท.ขอให้คืนอำนาจการบริหารงานบุคคลมาตรา 53 ให้ ผอ.สพท. ยกเลิกคำสั่ง คสช. เรื่องการบริหารงานบุคคลและบุคลากรทางการศึกษา และคำสั่งหัวหน้า คสช. เรื่องการปฏิรูปการศึกษาในภูมิภาค ที่สำคัญอยากให้คณะกรรมการที่จะเข้ามาบริหารงานบุคคลควรมีผู้แทนของกระทรวงฯเข้ามามีส่วนร่วม รวมถึงให้ทบทวนร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. ...คืนใบประกอบวิชาชีพครูให้ครู ไม่รับแก้เป็นใบรับรองความเป็นครู และไม่แก้ชื่อตำแหน่ง ผอ.ร.ร.เป็นครูใหญ่

ด้านนายณัฏฐพลกล่าวว่า ขณะนี้การปรับปรุงโครงสร้างยังไม่มีข้อสรุปว่าจะออกมาในรูปแบบไหน เรื่องนี้ต้องวางแผนวิเคราะห์กันอย่างรอบด้านดูความเหมาะสมว่ารูปแบบการจัดการศึกษาในพื้นที่แบบไหนจะเป็นทิศทางที่ดีที่สุด ขอให้ทุกคนมองเรื่องยกระดับคุณภาพการศึกษาเป็นหลัก ทั้งการสร้างเด็กในยุคดิจิทัล การยกระดับภาษาอังกฤษ การพัฒนาครูในโลกศตวรรษที่ 21 ทุกอย่างต้องมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอาจจะมีบ้างที่เราจำเป็นจะต้องปรับเปลี่ยน แต่เราก็ต้องปรับตัว อยากให้ทุกคนมาช่วยกันกับตนในการขับเคลื่อน

ที่มา : นสพ.ไทยรัฐ


โพสเมื่อ : 30 ต.ค. 62   อ่าน 1711 ครั้ง      คำค้นหา :