อันดับการศึกษาต่ำ เงินเดือนครูไทยอย่าต่ำ รมช.ศธ. ย้ำเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้ครูทำงาน
|
นาย
เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.กระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงกรณีที่ World
Economic Forum (WEF) จัดอันดับให้การศึกษาไทย ตกลงไปอยู่ในระดับที่ 8 แพ้
ประเทศกัมพูชา และ เวียดนาม ว่า ตนขอรับข้อวิจารณ์
และเสนอข้อเสนอแนะของทุกเสียงเพื่อนำไปแก้ไขปรับปรุงเพื่อให้การศึกษาของ
เด็กไทยมีการพัฒนาและเกิดความสมบูรณ์มากที่สุด
สำหรับกรณีที่ว่าให้เงินเดือนครูสูงแต่ครูไม่สามารถทำให้ผลสัมฤทธิ์ทางการ
เรียนของนักเรียนดีขึ้นนั้น ตนคิดว่าการเพิ่มเงินเดือนให้ครู
ยังเป็นความสำคัญ เนื่องจากเป็นการให้ขวัญกำลังใจของครู
เราต้องทำให้ครูมีขวัญกำลังใจที่สุด
เพราะหากครูมีขวัญกำลังใจที่ดีก็จะอุทิศเวลา อุทิศตนให้กับการเรียนการสอน
หากจะมองถึงปัญหาที่การศึกษาไทยต้องตกต่ำเช่นนี้ น่าจะอยู่ที่ปัจจัยอื่นๆ
ประกอบกันด้วย อาทิ หลักสูตร เครื่องมืออุปกรณ์ในการเรียนการสอน
ความพร้อมของเด็ก สถานที่เรียน สภาพแวดล้อม
และส่วนหนึ่งก็คือความพร้อมของครู ซึ่งครูเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญ
รมช.กระทรวงศึกษาธิการ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า
รัฐมนตรีทุกคนที่มาบริหารด้านการศึกษา ย่อมมุ่งพัฒนาคุณภาพการศึกษา
เพราะหัวใจของการศึกษา อยู่ที่คุณภาพหรือมาตรฐานการศึกษา
และที่มุ่งพัฒนาแก้ไขอยู่ คือการให้โอกาสทางการศึกษา
และการบริหารจัดการที่เป็นธรรมาภิบาล ซึ่ง 3
เรื่องนี้คือหัวใจสำคัญที่ต้องแก้ไขควบคู่กันไป
ด้านนายชินภัทร
ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(เลขาธิการ กพฐ.)กล่าวว่า
โดยส่วนตัวเข้าใจว่ารายงานผลการจัดอันดับของ WEF
จะประเมินโดยวิเคราะห์ระบบการศึกษา ในฐานะของการผลิตกำลังคน
เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศมากกว่า
โดยมองว่าการศึกษาเป็นการลงทุนอย่างหนึ่งเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ เพราะฉะนั้น
จึงมีการเปรียบเทียบเม็ดเงินที่ใช้ลงทุนและผลที่ได้รับกลับมา
ซึ่งประเทศไทยมีสัดส่วนการลงทุนด้านการศึกษาต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ
หรือจีดีพีที่สูงแต่ได้ผลตอบแทนที่ต่ำ
จึงทำให้อันดับของไทยอยู่ต่ำกว่าประเทศที่ลงทุนต่อจีดีพีต่ำกว่า
แต่ได้คุณภาพที่สูง
นายชินภัทร กล่าวต่อว่า ทั้งนี้เข้าใจว่าWEF จะมอง 3 ส่วนหลัก
ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อการผลิตกำลังคนที่มีคุณภาพ
ประเด็นแรกคือมองที่การศึกษาขั้นพื้นฐาน
ซึ่งปัจจัยสำคัญในการชี้วัดความสำเร็จคือคุณภาพและสมรรถนะของครู
ในส่วนของประเทศไทยมีการลงทุนเกี่ยวกับบุคลากรที่สูงโดยเฉพาะเงินเดือนครู
แต่ไม่สัมพันธ์กับคุณภาพของการศึกษาที่ได้รับกลับคืน
ซึ่งตรงนี้สอดคล้องกับผลการวิจัยของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย
(ทีดีอาร์ไอ)อยู่แล้ว และเรื่องนี้ก็เป็นประเด็นที่รัฐมนตรีว่าการศธ.
ให้ความสำคัญ จึงมีนโยบายที่จะเพิ่มคุณภาพและสมรรถนะของครู
รวมทั้งปรับการประเมินครูให้เป็นการประเมินที่สัมพันธ์กับคุณภาพของผู้เรียน
ของเด็ก โดยประเมินจากผลการสอนจริง ส่วนที่ 2 น่าจะดูจากทักษะของนักเรียน
โดยให้ความสำคัญกับทักษะในศตวรรษที่ 21 ซึ่งประกอบด้วย 3 สมรรถนะหลัก คือ
สมรรถนะทางด้านการคิด สมรรถนะทางด้านภาษา และสมรรถนะทางด้านไอซีที
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน สพฐ. พยายามที่จะเติมคุณลักษณะในศตวรรษที่ 21
ให้กับนักเรียนอยู่ ส่วนที่ 3 การประเมินของ WEF
น่าจะประเมินจากอัตรากำลังคนทางด้านอาชีวะ
ซึ่งเป็นกำลังคนที่สำคัญมากในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
แต่ผู้เรียนสายอาชีวะของไทย ยังมีจำนวนน้อยกว่าที่ควรจะเป็น
และคุณลักษณะของผู้เรียนสายอาชีพก็ยังไม่ถึงระดับอินเตอร์เนชั่นแนล
ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า วันที่ 9 กันยายน 2556 |
|
โพสเมื่อ :
09 ก.ย. 56
อ่าน 1695 ครั้ง คำค้นหา :
|
| |