ผลวิจัยชี้ 12ข้อเสนอ รัฐต้องทำเพื่อพัฒนารร.ขนาดเล็ก



มก.เผยผลวิจัย "การพัฒนาคุณภาพโรงเรียนขนาดเล็กในชุมชน" 12 ประการที่รัฐจะต้องดำเนินการ ชี้ประเทศไทยจัดสรรงบฯแบบเท่าเทียม ไม่สนควรมแตกต่าง ทำให้การศึกษาไม่มีคุณภาพเท่าเทียมกัน


วันนี้(25 ก.ค.)ผศ.ดร.พัทธนันท์ หรรษาภิรมย์โชค อดีตรองคณบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ คณะศึกษาศาสตร์และพัฒนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.)วิทยาเขตกำแพงแสน เปิดเผยว่า มก.ได้รับทุนวิจัยจากสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา(สกศ.) ศึกษาวิจัยเรื่อง “แนวทางการพัฒนาคุณภาพโรงเรียนขนาดเล็กในชุมชน” โดยเก็บข้อมูลจากโรงเรียนขนาดเล็กทั่วประเทศกว่า 400 แห่ง ซึ่งพบว่า แนวทางการพัฒนาโรงเรียนขนาดเล็กในชุมชนให้มีคุณภาพสูงขึ้นได้รัฐบาลจะต้องทำ 12เรื่องสำคัญ ดังนี้

1.กระตุ้นสังคมให้เข้าใจบทบาทหน้าที่ของคนไทยทุกคนในการสนับสนุนการศึกษาเพื่อให้เกิดการพัฒนาการศึกษาอย่างมั่นคง

2.สนับสนุนการบูรณาการความร่วมมือกับกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นในการสร้างความเข้าใจแนวทางการสนับสนุนงบประมาณด้านการศึกษาให้กับโรงเรียนอย่างถูกต้อง

3.การเปิดโอกาสให้โรงเรียนสามารถบริหารจัดการงบประมาณด้วยตนเองให้มากขึ้น

ผศ.ดร.พัทธนันท์ กล่าวต่อไปว่า

4.สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับหน้าที่ของคณะกรรมการโรงเรียนขั้นพื้นฐานในการกำกับและส่งเสริมสนับสนุนกิจการของโรงเรียน

5. สนับสนุนการวางแผนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดกิจกรรมพัฒนาโรงเรียนขนาดเล็กให้เกิดความยั่งยืน

6 .สนับสนุนกลไกการถ่ายทอดนโยบายลงสู่การปฏิบัติให้กับโรงเรียนอย่างเป็นรูปธรรมและสามารถประเมินวัดผลได้จริง

7.เสนอให้คุรุสภาจัดทำข้อตกลง (MOU) ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และหน่วยผลิตครูในการจัดทำหลักสูตรระดับปริญญาตรีที่ตอบสนองกับสมรรถนะของบุคลากรทางการศึกษาในโรงเรียนได้จริง และปรับระเบียบกฎเกณฑ์ให้สามารถฝึกประการณ์วิชาชีพครูในโรงเรียนขนาดเล็กที่ไม่ผ่านการประเมินจากสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.)ได้ด้วย

8.มีแนวทางที่ชัดเจนในการทำอนุสัญญาระหว่างโรงเรียนในการรวมโรงเรียนเครือข่ายเพื่อให้การดำเนินงานของโรงเรียนต่อเนื่อง แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียน

9.วางแผนกำลังคนสำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาของคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ในการกำหนดจำนวนและอัตราตำแหน่งของแต่ละหน่วยงานทางการศึกษา

10.ให้ปรับเกณฑ์และวิธีการประเมินเกี่ยวกับมาตรฐานภาระงานขั้นต่ำตามตำแหน่งและวิทยฐานะ โดยมุ่งเน้นให้เกิดผลลัพธ์กับนักเรียนเป็นหลัก

11. จัดทำกลไกให้โรงเรียนเกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในการนำนโยบายต่าง ๆ ลงสู่การปฏิบัติและการปรับปรุงอย่างเป็นระบบ และ

12.ส่งเสริมการรวมโรงเรียนโดยไม่ยึดติดกับรูปแบบการรวมโรงเรียนและวิธีการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียน

"นอกจากนี้สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับการจัดสรรและสนับสนุนการศึกษาโรงเรียนขนาดเล็กของประเทศไทยกับโรงเรียนขนาดเล็กในประเทศฟินแลนด์พบว่ามีความแตกต่างกันโดยประเทศฟินแลนด์ใช้หลักการจัดสรรที่แตกต่างกันตามความจำเป็น แต่เด็กนักเรียนจะได้รับการจัดการศึกษาที่เท่าเทียมกันทุกโรงเรียน ส่งผลให้การศึกษาของฟินแลนด์มีคุณภาพสูงสอดคล้องกับระดับการพัฒนาประเทศ ขณะที่การศึกษาไทยที่ใช้ระบบจัดสรรเงินรายหัวเท่าเทียมกันทุกพื้นที่ ทั้งๆ ที่แต่ละมีความพร้อมแตกต่างกันมาก ทำให้การศึกษาไทยไม่มีคุณภาพืเท่าเทียมกัน"ผศ.ดร.พัทธนันท์ กล่าว

 


ที่มาข่าวและอ่านเพิ่มเติมได้ที่เดลินิวส์ วันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม 2559 เวลา 16.38 น.


โพสเมื่อ : 26 ก.ค. 59   อ่าน 1417 ครั้ง      คำค้นหา :