![]() |
เปลี่ยนแล้ว เด็กได้อะไร เลาะเลียบคลองผดุงฯ
เดิมนั้นร.ร.จะมีผู้บริหารซึ่งดูจากขนาดและยอดจำนวนนักเรียนว่าใครเป็นครูใหญ่ อาจารย์ใหญ่ หรือเป็นผู้อำนวยการ ซึ่งเท่ากับเป็นการถึงความรู้ ความสามารถที่สามารถบ่งบอกได้ถึงสติปัญญาทั้งในการบริหารจัดการในการครองตน ครองคน ครองงาน อันเป็นที่ประจักษ์ได้เป็นอย่างดี แต่ทุกวันนี้โรงเรียนมีนักเรียนแค่ 10 คนก็ได้เป็น ผอ. นักเรียน 4-5 พันคน ก็ได้เป็น ผอ.แถมยังมีค่าวิทยฐานะตามความสามารถแถมให้ด้วย แล้วจะไม่ให้ประชาชน พ่อ แม่ ผู้ปกครอง ผู้เสียภาษี เขาสับสนได้ไง ดังนั้น การที่ ศธ.คิดปรับปรุงหลักเกณฑ์ใหม่ในการสรรหาผู้บริหารร.ร.โดยจัดประเภทและเรียกตามตำแหน่งเดิม หรือจะปรับชื่อเรียกให้ดูขลังอย่างไรก็น่าจะเป็นการเหมาะสมแก่สภาพความเป็นจริงที่ดำเนินอยู่ หากผู้ใดทำได้ถึงเกณฑ์กำหนดแล้วค่อยขยับใหญ่ขึ้น น่าจะเป็นเกียรติยศแก่ตนและวงศ์ตระกูลโดยแท้ การที่สมาพันธ์ครูที่ไหนก็ตามจะมาออกมาทักท้วงว่า ขัดกับหลักการบริหารงานบุคคล ขาดขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ ตีความไปถึงเกิดการแบ่งชนชั้นของผู้บริหารสถานศึกษา เหมือนอดีต รวมไปถึงจะแตกแยกและแย่งชิงเพื่อให้ได้ก้าวสู่สถานศึกษาที่มีประมาณงานและคุณภาพมากกว่าอย่างแน่นอน แถมลากตัวเองเข้าไปเทียบเคียงกับตำแหน่งผู้บริหารราชการไทยของหน่วยงาน และองค์กรต่างล้วนเป็นตำแหน่งเดียวกัน เช่น นายอำเภอ ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้อำนวยการโรงพยาบาล ผู้กำกับการสถานีตำรวจ ผู้บัญชาการมณฑลทหาร หรือที่อื่นๆ ล้วนไม่ได้กำหนดขึ้นตามจำนวนประชากรแต่อย่างใด คิดออกมาแบบนี้ได้ เชื่อได้เลยว่า ไม่ใช่เป็นเสียงจากครูที่มีส่วนได้ส่วนเสียแน่นอน แปลกใจว่า ทำไม "บิ๊กหนุ่ย" พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เสมา 1 ทำไมถึงออกอาการถอดใจเอาเสียง่ายๆ ทั้งๆ ที่เป็นเรื่อง มาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพการปฏิบัติราชการบุคลากรภาครัฐ เพื่อประโยชน์การปฏิรูประบบบริหารราชการแผ่นดิน มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ.2557 ที่นายกรัฐมนตรีอยากเห็น ท้ายสุดแล้ว จะเรียกอะไรก็ได้ แต่อยากรู้ว่าเปลี่ยนแล้วจะเกิดผลดีต่อเด็กและการจัดการศึกษาอย่างไร |
โพสเมื่อ : 22 มี.ค. 59 อ่าน 1656 ครั้ง คำค้นหา : |