มม.ขึ้นแท่น ม.วิจัยอันดับ 1 ไทย เตรียมผลิตงานวิจัยเทียบเท่าประเทศอาเซียน
มม.ขึ้นแท่น ม.วิจัยอันดับ 1 ไทย เตรียมผลิตงานวิจัยเทียบเท่าประเทศอาเซียน
มม.ขึ้นแท่นเป็นมหาวิทยาลัยวิจัยอันดับ 1 ของไทย ชี้มีงานวิจัยมากสุดในประเทศ โชว์ศักยภาพประกาศผลรางวัลมหาวิทยาลัยมหิดล ประจำปี 2556 ฝากมหาวิทยาลัยทั่วประเทศร่วมผลิตงานวิจัยทั้งระดับปริมาณและคุณภาพ การันตีคุณภาพเทียบเท่าประเทศในอาเซียน เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม ที่คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล (มม.) จัดแถลงข่าวประกาศผลรางวัลมหาวิทยาลัยมหิดล ประจำปีการศึกษา 2556 โดยปีนี้มีผู้ได้รับรางวัลทั้งหมด 13 ราย แบ่งเป็น สาขาความเป็นครู 3 ราย สาขาการวิจัย 4 ราย สาขาการประดิษฐ์ 2 ราย สาขาการแต่งตำรา 1 ราย และสาขาการบริการ 3 ราย ซึ่งผู้ได้รับรางวัลจะได้เข้ารับพระราชทานรางวัลในพิธีพระราชปริญญาบัตร รับเงินรางวัลละ 2 หมื่นบาท ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน อธิการบดี มม. กล่าวว่า มม.มีความเป็นมายาวนาน 126 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้งโรงพยาบาลศิริราชพยาบาล สำหรับรางวัลมหาวิทยาลัยมหิดล จัดขึ้นตั้งแต่ปี 2518 เพื่อเป็นเกียรติและเป็นขวัญกำลังใจให้แก่บุคลากรที่มีความวิริยอุตสาหะและปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพจนมีผลงานดีเด่นในสาขาต่างๆ ซึ่งรางวัลในแต่ละสาขาแตกต่างกัน เช่น สาขาความเป็นครู จะมอบให้คนที่ไม่ใช่ทำหน้าที่เป็นครู ที่มีความรู้ทางวิชาการเพื่อจะสอนนักเรียนเท่านั้น แต่ครูจะต้องเป็น ผู้ช่วยนักเรียนให้พัฒนาทางด้านสติปัญญา บุคลิกภาพ อารมณ์ และสังคม รวมถึงเป็นคนมีคุณธรรมจริยธรรม ส่วนสาขาวิจัย บุคลากรของมหาวิทยาลัยต้องเป็น ผู้ที่มีความคิดริเริ่มในการวิจัยเพื่อตอบสนองความต้องการ แก้ปัญหา พัฒนา และสร้างองค์ความรู้ใหม่ๆ ให้แก่สังคม สาขาการประดิษฐ์ ต้องเป็นผู้ที่มีผลงานการประดิษฐ์คิดขึ้น ผลิตภัณฑ์ หรือกรรมวิธีใหม่ๆ ซึ่งเป็นความจำเป็นต่อความต้องการในปัจจุบัน เป็นต้น ศ.นพ.รัชตะ กล่าวต่อว่า ในฐานะที่ มม.เป็นมหาวิทยาลัยวิจัยอันดับ 1 ของไทย เรามุ่งมั่นที่จะเพิ่มบทบาทในการใช้องค์ความรู้และศักยภาพของมหาวิทยาลัยในการแก้ไขปัญหาสังคมให้มากขึ้น โดยมุ่งเน้นการพัฒนางานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ วิทยาศาสตร์ประยุกต์ และด้านสังคมศาสตร์ ควบคู่ไปกับการผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพ เป็นคนดี มีปัญญา นำพาสุข นอกจากนั้นยังสนับสนุนอาจารย์ บุคลากร และนักศึกษาของมม.ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนา สร้างสรรค์งานวิจัย โดยเฉพาะในส่วนของนักศึกษา ได้บริหารหลักสูตรให้นักศึกษาได้เป็นผู้ช่วยนักวิจัย เพราะการสร้างองค์ความรู้ใหม่เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนการสอนมากขึ้น และเป็นการให้บริการสังคมอีกด้วย ขณะนี้ แม้ มม.จะเป็นมหาวิทยาลัยที่ผลิตผลงานวิจัยด้านปริมาณสูงสุดของประเทศ แต่เมื่อเทียบเคียงกับผลงานวิจัยในประเทศอาเซียน อย่างสิงคโปร์ หรือมาเลเซีย ไทยยังผลิตผลงานวิจัยน้อยกว่ามาก ดังนั้น มีความจำเป็นที่มหาวิทยาลัยต่างๆ ต้องรวมแรงร่วมใจกันผลิตผลงานวิจัยทั้งในระดับปริมาณและคุณภาพให้มากขึ้น เพื่อการันตีถึงคุณภาพ รวมถึงเป็นการคิดค้นองค์ความรู้ นวัตกรรมใหม่ ที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ เพราะถ้าไทยไม่มีงานวิจัย ไม่มีการคิดค้นองค์ความรู้สิ่งประดิษฐ์ นวัตกรรมใหม่ๆ ประเทศก็ไม่สามารถแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ได้ ศ.นพ.รัชตะกล่าว
ที่มา: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก |
โพสเมื่อ :
04 ก.ค. 57
อ่าน 1474 ครั้ง คำค้นหา :
|
|