เลขาฯกพฐ.ห่วงครูกลายเป็นแพะ-จี้เปิดชื่อบริษัทโกงสนามฟุตซอล

เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม นายกมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยความคืบหน้าการสืบหาข้อเท็จจริงกรณีการก่อสร้างสนามฟุตซอลในโรงเรียน สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ว่า สพฐ.ได้ดำเนินการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวควบคู่กับการตรวจสอบของคณะกรรมการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ซึ่งขณะนี้สพฐ.ได้รับข้อมูลครบถ้วนแล้วจากคณะทำงานที่ลงไปตรวจสอบในพื้นที่ ที่มีปัญหาการสร้างสนามฟุตซอล ทั้ง 12 ชุดได้ส่งรายงานมายังตนเรียบร้อยแล้ว ส่วนรายชื่อผู้บริหารสถานศึกษาและข้าราชการครู 727 คนที่ ป.ป.ท.จะส่งรายชื่อทั้งหมดมาให้สพฐ.ดำเนินการนั้น ตนยืนยันว่าสพฐ. ยังไม่ได้รับข้อมูลรายชื่อตามที่ปปท.ให้ข้อมูลแต่อย่างใดโดยสพฐ.จะรอข้อมูล รายชื่อจากทาง ป.ป.ท.อีกระยะหนึ่งหากยังไม่ได้รับจะทำหนังสือทวงถามต่อไป นอกจากนี้เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างมีระบบในวันที่ 29 ตุลาคม ตนจะลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการประมวลข้อมูลและแนวทางการแก้ไขปัญกากรณีจัด สร้างสนามฟุตซอล มีนางรัตน ศรีเหรัญ รองเลขาธิการ กพฐ.เป็นประธาน

“สาเหตุที่จะต้องมีคณะกรรมการชุดนี้ เนื่องจากข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการสร้างสนามฟุตซอลถูกส่งเข้ามาจำนวน มาก หากไม่จัดระบบประมวลให้เป็นระบบหรือกำหนดแนวทางดำเนินการให้ชัดก็จะเกิด ปัญหาเข้าใจผิด เช่น ที่มีข่าวออกไปว่าจะมีการตั้งกรรมการสอบสวนครู จะมีครูกลุ่มหนึ่งถูกสอบอีกกลุ่มไม่ถูกสอบ ทำให้เกิดความวิตกในกังวลของครูในพื้นที่ หรือกรณีมีระบุว่ามีการตรวจสอบรายชื่อผู้บริหารสถานศึกษาและครู 727 คนแล้วแต่ สพฐ.ยังไม่เคยได้รับรายงานนี้ เป็นต้น ซึ่งสังคมอาจจะมองว่าได้รายชื่อมาแล้วแต่สพฐ.ยังไม่ส่งไปให้เขตพื้นที่ฯ” เลขาธิการกพฐ. กล่าวและว่าตนอยากเรียกร้องว่าเมื่อ ป.ป.ท.หรือผู้ตรวจสอบได้ข้อมูลครบถ้วนขอให้ดำเนินการให้เสร็จสิ้น ซึ่งส่วนที่เกี่ยวข้องกับข้าราชการครูของสพฐ.นั้นตนพร้อมจะดำเนินการตามขั้น ตอน แต่กรณีที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับห้างร้าน บริษัท ผู้บริหารระดับท้องถิ่น ฝ่ายการเมือง ก็ขอให้ ป.ป.ท.ดำเนินการหากเกินอำนาจของ ป.ป.ท.ก็ขอให้ส่งต่อไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เข้ามาตรวจสอบ ทั้งนี้การที่ตนเสนอเช่นนี้เพราะเห็นว่าเวลานี้กลายเป็นว่าครูของกลายเป็น แพะรับในสิ่งที่คนอื่นทำไว้ซึ่งส่วนตัวเห็นว่าไม่ถูกต้องและรับไม่ได้ อย่างไรก็ตามหากจะประกาศชื่อครูทั้งหมดก็ต้องประกาศรายชื่อฝ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน 

ที่มา มติชนออนไลน์ วันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2557

จี้ปปท.เปิดชื่อบริษัทโกงสนามฟุตซอล

กมลร้อง ป.ป.ท.อย่าเปิดแค่รายชื่อครูที่ติดร่างแห ทุจริตสนามฟุตซอลเท่านั้น แต่ควรเปิดเผยชื่อห้างร้าน บริษัทที่เกี่ยวข้องด้วย สั่ง สพฐ.รวบรวมข้อมูลทั้ง 37 เขต เตรียมชี้แจงนายกฯ ในการประชุมหัวหน้าส่วนราชการ 29 ต.ค.นี้

ดร.กมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาฯ กพฐ.) กล่าวว่า ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้รับข้อมูลการลงตรวจสอบพื้นที่สนามฟุตซอลของคณะทำงานทั้ง 12 ชุดมาแล้ว และทาง สพฐ.ยังให้อีก 37 เขต รายงานข้อมูลเข้ามาเพิ่มเติมทั้งหมด ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีปัญหาดังกล่าว

นอกจากนี้ ข้อมูลรายชื่อผู้ที่เกี่ยวข้องจำนวน 600-700 คน ที่ได้รับรายงานว่าทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) จะส่งมาให้ดำเนินการสอบข้อเท็จจริงนั้น ขณะนี้ทาง สพฐ.ยังไม่ได้รับข้อมูลแต่อย่างใด ทั้งนี้ทาง สพฐ.เองก็ได้เตรียมจัดตั้งคณะกรรมการประมวลผลข้อมูลและแนวทางในการแก้ปัญหา กรณีการจัดจ้างสนามฟุตซอล ซึ่งมีนางรัตนา ศรีเหรัญ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็นประธาน สาเหตุที่จะต้องมีคณะกรรมการชุดนี้ เนื่องจากข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวถูกส่งเข้ามาจำนวนมาก หากไม่จัดระบบประมวลผลข้อมูลไว้ให้เป็นระบบหรือกำหนดแนวทางดำเนินการให้ชัด ก็จะเกิดปัญหาเข้าใจผิด

นายกมลกล่าวอีกว่า ตนขอให้ทาง ป.ป.ท.เมื่อได้ข้อมูลที่ตรวจสอบครบถ้วนแล้ว ขอให้ดำเนินการให้เสร็จสิ้นกับผู้กระทำผิดทั้ง 2 ส่วน คือ ทั้งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับครู ทาง สพฐ.พร้อมจะดำเนินการตามขั้นตอน และส่วนที่ห้างร้าน บริษัท ผู้บริหารระดับท้องถิ่น ฝ่ายการเมือง ก็ขอให้ ป.ป.ท.ดำเนินการ แต่หากเกินอำนาจของ ป.ป.ท. ก็ขอให้ส่งต่อไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เข้ามาตรวจสอบ

"ที่ผมเสนอเพราะเวลานี้กลายเป็นว่าครูของเรากลายเป็นแพะ รับในสิ่งที่คนอื่นทำซึ่งไม่ถูกต้อง และหากจะประกาศชื่อครูทั้งหมดก็ต้องประกาศรายชื่อฝ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน และในวันที่ 29 ต.ค. ที่จะมีการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ซึ่งตนก็ได้เตรียมข้อมูลไว้ ในกรณีที่ถูกถามก็จะชี้แจ้งให้ทราบ แต่จะไม่นำเสนอเรื่องนี้ในที่ประชุม” เลขาฯ กพฐ.กล่าว.

ที่มา ไทยโพสต์ 29 ตุลาคม 2557