นศ. ม.ขอนแก่น ช่วยยกระดับสินค้าแฮนด์เมดขอนแก่น จากห้องเรียน สู่โลกกว้างทางธุรกิจ นักศึกษาสาขาการจัดการ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ภายใต้ชื่อกลุ่ม Positive ต่อยอดองค์ความรู้จากห้องเรียน นำไปช่วยยกระดับสินค้าแฮนด์เมดของผู้ประกอบการจังหวัดขอนแก่น กลุ่ม Positive ประกอบด้วย เพทาย-นายอินทัช กลิ่นบรรจง, กอล์ฟนายกฤษฎ์ ปิยภัทรากูล, วิว-น.ส.บุณยวีร์ จิตชู, อ้อ-น.ส.กรกนก ตระหง่าน และอาร์ม-นายโกมินทร์ พันผาง นักศึกษาสาขาการจัดการ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้นำองค์ความรู้ตลอด 4 ปีจากห้องเรียนมาบูรณาการเพื่อแก้ไขปัญหา เพื่อช่วยผู้ประกอบการในการยกระดับการบริหารจัดการ และพัฒนาระบบการจัดการในภาคธุรกิจ เพื่อให้สถานประกอบการสามารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผล โดยกลุ่มนักศึกษาได้เข้าไปยกระดับการบริหารจัดการธุรกิจการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากผ้าขาวม้า ซึ่งก่อตั้งโดย คุณปภาดา พรหมลักขโณ หรือ คุณน้ำผึ้ง สาวขอนแก่นรุ่นใหม่ ที่หลงใหลในความสวยงาม และเสน่ห์ของผ้าไทย โดยเฉพาะผ้าขาวม้า มีความต้องการที่จะอนุรักษ์ผ้าไทยให้เป็นที่รู้จักและสามารถนำมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันได้อย่างเหมาะสมกับยุคสมัย เดิมร้านเป็นแผงลอยขนาดเล็กบนตลาดถนนคนเดิน ในจังหวัดขอนแก่น ที่มีการจำหน่ายสินค้าทุกเย็นวันเสาร์ ดำเนินกิจการในลักษณะซื้อมาขายไป โดยรับสินค้ามาจากจังหวัดเชียงใหม่ ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี จึงมีแนวคิดที่จะเปิดร้านเป็นของตนเอง ปัจจุบันร้านมีสองสาขา คือ สาขาตลาดต้นตาล และ Ozone Village มีการเพิ่มสินค้าให้มีความหลากหลาย โดยสินค้าที่วางจำหน่ายในร้านมีความหลากหลาย และทางร้านเองก็มีการนำผ้าขาวม้า ผ้าไทย ผ้าญี่ปุ่น มาออกแบบและแปรรูปเป็นสินค้าต่างๆ ภายใต้แบรนด์ Papada เช่น ตุ๊กตา พวงกุญแจ กระเป๋าผ้า กระเป๋าใส่คอมพิวเตอร์ หมอนอิง เบาะรองนั่ง เป็นต้น เจ้าของธุรกิจแฮนด์เมด กล่าวถึงความเป็นมาของธุรกิจของตน น้องอ้อ น.ส.กรกนก ตระหง่าน นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาการจัดการ มหาวิทยาลัยขอนแก่นบอกว่า จากการศึกษาข้อมูลธุรกิจพบว่าร้านมีปัญหาเกิดขึ้น 2 ด้านคือ ด้านการตลาด โดยสินค้ายังไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลายในจังหวัดขอนแก่น รวมทั้งมีคู่แข่งเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้การเกิดขึ้นของห้างสรรพสินค้าและร้านของที่ระลึกแบรนด์เนมต่างๆ ยังเข้ามาเป็นคู่แข่งที่สำคัญของธุรกิจสินค้าทำมือ และด้านการผลิต โดยผลิตภัณฑ์ของร้านเป็นงานทำมือมากกว่า 90% เป็นการผลิตที่มีความประณีตและละเอียด การที่ผลิตชิ้นงานแต่ละชิ้นจึงมีความล่าช้า เมื่อพวกเราทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับทางร้านแล้ว พวกเราจึงเข้าไปดำเนินการแก้ไขปัญหา โดยนำความรู้ที่ได้ศึกษาในห้องเรียน โดยได้ใช้เครื่องมือทางการตลาดตามแนวคิด STP Marketing มาช่วยวิเคราะห์ปัญหา และหาแนวทางแก้ไขเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์สินค้า รวมทั้งวางแผนกลยุทธ์ที่ได้ไปใช้ในการพัฒนาและปรับปรุงร้านเพื่อเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขัน พวกเราดำเนินกิจกรรม CSR ให้แก่ร้าน โดยต้องการจะทำให้แบรนด์สินค้าเป็นที่รู้จักในวงกว้างว่าเป็นสินค้าที่ดี มีคุณภาพ และมีความรับผิดชอบต่อสังคม พวกเราได้จัดกิจกรรมเวิร์คช็อปงานฝีมือให้กับผู้บริโภคมีส่วนร่วมในการได้ทดลองทำผลิตภัณฑ์กับทางร้าน ซึ่งลูกค้าได้รับรู้ถึงขั้นตอนการทำผลิตภัณฑ์และสามารถทำใช้เองได้ที่บ้าน รวมถึงยังได้ผลิตภัณฑ์ที่ตนเองผลิตกลับไปใช้อีกด้วย นอกจากนี้ยังได้เข้าร่วมกิจกรรมช่วยเหลือสังคมในโอกาสต่างๆ อีกด้วย ในส่วนของการเพิ่มกำลังการผลิต พวกเราได้ติดต่อศูนย์สงเคราะห์และฝึกอาชีพสตรีรัตนาภา ในการเพิ่มกำลังการผลิตสินค้า ซึ่งเป็นการส่งเสริมผู้ที่มีฝีมือด้านงานฝีมือให้มีอาชีพ และสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในงานฝีมือ โดยการดำเนินกิจกรรมเริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2556 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2557 ซึ่งผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นหลังจากที่พวกเราได้ลงมือทำ เป็นที่น่าพอใจกับทางร้านเป็นอย่างมาก น้องกอล์ฟ (นาย กฤษฎ์ ปิยภัทรากูล) หนึ่งในสมาชิก Positive กล่าว คุณน้ำผึ้ง ยังกล่าวเสริมอีกว่า ก่อนหน้านี้ร้านเองมีช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าไม่หลากหลาย และการประชาสัมพันธ์ยังไม่ทั่วถึงทำให้ตราสินค้าของร้านยังไม่เป็นที่รู้จักเท่าที่ควร แต่หลังจากน้องๆ จากมหาวิทยาลัยขอนแก่นเข้ามาจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ต่างๆ นำเอาข้อมูลของร้าน ประวัติความเป็นมา ผลิตภัณฑ์ในการจัดจำหน่าย การติดต่อสอบถามและสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ เผยแพร่ให้ผู้บริโภครู้จักแบรนด์สินค้าผ่านกิจกรรมCSR ทำให้ร้านมีความเชื่อถือและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีแก่ร้าน นอกจากนี้เมื่อประเมินยอดขายเปรียบเทียบระหว่างเดือนธันวาคม 2556-มกราคม 2557 ทางร้านของเรามียอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 10% ทั้งนี้ทางร้านมีความยินดีเป็นอย่างมาก รวมทั้งขอขอบใจน้องๆจาก มข.ที่เข้ามาช่วยเหลือในการวางแผนธุรกิจ ทำให้สินค้าของทางร้านเป็นที่รู้จักมากขึ้น รวมทั้งมียอดขายที่เพิ่มมากขึ้น ต้องขอขอบพระคุณทางร้านที่ให้โอกาสพวกเราได้เข้ามาต่อยอดความรู้ที่เราได้เรียนมาตลอด 4 ปี ถึงแม้สิ่งที่พวกเราได้ช่วยเหลือกับทางร้านจะเป็นสิ่งที่ไม่ได้ยิ่งใหญ่ หรือมีค่ามหาศาล แต่ก็ทำให้พวกเราได้มีโอกาสที่จะได้หยิบเอาความรู้ เอาทักษะต่างๆ ที่ฟูมฟักมาในการเรียนมหาวิทยาลัย นำไปพัฒนาและเพิ่มศักยภาพให้กับธุรกิจจริง ได้พัฒนาตราสินค้าให้เป็นเอกลักษณ์ เพื่อยกระดับร้านให้โดดเด่น เป็นที่น่าจดจำ รวมทั้งยังเป็นการช่วยส่งเสริมและอนุรักษ์ศิลปะการนำผ้าขาวม้ามาแปรรูป เพื่อเพิ่มมูลค่าของผ้าขาวม้าและเพื่อสืบทอดวัฒนธรรมการใช้ผ้าขาวม้าที่มีมาอย่างยาวนาน ให้คงอยู่คู่สังคมสืบต่อไป ทั้งนี้สิ่งล้ำค่าที่มากสุดของพวกเราคือ ประสบการณ์ที่ ทางด้านบริหารจัดการ การใช้เครื่องมือด้านการจัดการ ซึ่งเป็นการฝึกปรือสำหรับนักศึกษาที่เรียนด้านการบริหารจัดการและจะมีวิชาชีพด้านนี้ในอนาคต ในฐานะนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น นับว่าเป็นความภาคภูมิใจก่อนที่จะสำเร็จการศึกษาจากรั้วมอดินแดงแห่งนี้ น.ส.กรกนก กล่าวอย่างภาคภูมิใจ ก่อนที่สุดท้ายจะฝากแง่คิดไว้ว่า สำหรับบางคน การสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัย สิ่งที่ได้คือกระดาษแค่แผ่นเดียว นั้นแสดงว่าตลอดเวลาในช่วงชีวิตของมหาวิทยาลัย เขาไม่ได้สร้างคุณค่าให้กับมันเลย ฉะนั้น เราจึงควรสร้างคุณค่าในชีวิตมหาวิทยาลัยให้ได้มากที่สุด ด้วยการตั้งใจศึกษาเล่าเรียน และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปใช้ให้มากที่สุด การเรียนรู้ในห้องเรียนช่วยให้เราฉลาดขึ้น แต่การเรียนรู้นอกห้องเรียน ช่วยให้เราแข็งแกร่งขึ้น จึงอยากจะฝากพี่น้องนักศึกษาทุกคน ให้พึงระลึกเสมอในชีวิตมหาวิทยาลัย ว่า.ความรู้ที่เราได้เรียนในมหาวิทยาลัยเป็นแค่เพียงพื้นฐาน แต่การใช้ความรู้ที่มีอยู่ในโลกของการทำงานต้องรู้จักประยุกต์ เราไม่ควรบ่นว่าเรื่องบางเรื่องเรียนไปทำไม เรียนไปก็ไม่ได้ใช้ แต่จริงๆ แล้ว ความรู้เหล่านี้เป็นพื้นฐานในการคิดอะไรต่อๆ ไปได้อีกมากมาย ความรู้เหล่านั้นจะเป็นเครื่องมือที่ทำให้พวกเราใช้ประกอบอาชีพ ใช้พัฒนาตัวเองและสังคมโลกต่อไป คงได้เห็นแล้วว่าการบูรณาการเอาความรู้ในห้องเรียนที่ตัวนักศึกษาได้เรียน มาเป็นหลักปฏิบัติจริง ความรู้และประสบการณ์จากสถานการณ์ที่เกิดจริงและถือว่าเป็นการเตรียมสินทรัพย์ให้ตัวนักศึกษาเองให้พร้อมที่จะลงทุนในโลกของการทำงาน ก่อนที่จะทำสินทรัพย์ทางความรู้ของตนเองนั้นเพิ่มพูนขึ้นในอนาคต ดังเช่นนักศึกษาจากคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่มีความรู้ ทักษะ และประสบการณ์จากการเรียนในห้องเรียนซึ่งเปรียบดังได้ทุนสะสมในการประกอบอาชีพ ซึ่งในวันนี้อาจจะมีเพียงแสน แต่ถ้าหากสำเร็จการศึกษา และนำไปใช้ ก็จะงอกเงย เป็นล้าน สิบล้าน ในอนาคต ซึ่งต่อไปเราอาจจะได้ยินคำกล่าวว่า มีวิชาเหมือนมีทรัพย์อยู่นับสิบล้าน ก็คงจะไม่ผิดแปลกอะไร. ที่มา: หนังสือพิมพ์บ้านเมือง |
โพสเมื่อ : 04 เม.ย. 57 อ่าน 1451 ครั้ง คำค้นหา : |