![]() |
เมื่อวันที่ 29 มกราคมนายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึษา (ก.ค.ศ.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้ ตนพร้อมด้วยผู้บริหารสำนกงาน ก.ค.ศ.จะเข้าพบ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เพื่อขอรับนโยบายการปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา มีวิทยฐานะ หรือเลื่อนเป็นวิทยฐานะชำนาญการพิเศษ และเชี่ยวชาญ ตามข้อตกลงในการพัฒนางาน (Performance Agreement : PA) เพื่อให้หลักเกณฑ์ดังกล่าวมีความสมบูรณ์ และตรงตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการ ศธ.ที่ต้องการให้การประเมินวิทยฐานะใหม่ ไปเห็นผลที่เด็กโดยตรง จากเดิมที่ให้ทำผลงานทางวิชาการ แต่ผลส่วนใหญ่ไปเกิดที่ตัวครูเป็นหลัก โดยตนได้เตรียมข้อมูล และสรุปความสำคัญของการประเมินวิทยะฐานะ ที่ต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 มาตรา 54 ที่กำหนดให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามีวิทยฐานะใด และการเลื่อนเป็นวิทยะฐานะใดต้องเป็นไปตามมาตรฐานวิทยะฐานะ ซึ่งผ่านการประเมิน ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงความประพฤติด้านวินัย คุณธรรม จริยธรรม จรรยาบรรณวิชาชีพ ประสบการณ์ คุณภาพการปฏิบัติงาน ความชำนาญ ความเชี่ยวชาญ ผลงานที่เกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ในด้านการเรียนการสอนตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ ก.ค.ศ.กำหนด นายพินิจศักดิ์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังเตรียมข้อมูลตัวเลขครูและบุคลากรทางการศึกษาที่มีวิทยฐานะ กว่า 350,000 คน แบ่งเป็นวิทยฐานะชำนาญการ ประมาณ 100,000 กว่าคน อัตราเงินวิทยฐานะ 3,500 บาทต่อเดือน วิทยฐานะชำนาญการพิเศษ ประมาณ 200,000 กว่าคน อัตราเงินวิทยฐานะ 5,600+5,600 บาทต่อเดือน วิทยฐานะเชี่ยวชาญ ประมาณ 1,000 กว่าคน อัตราเงินวิทยฐานะ 13,000+13,000(9,900 + 9,900) บาทต่อเดือน และวิทยฐานะเชี่ยวชาญพิเศษ 2 คน อัตราเงินวิทยฐานะ 15,600+15,600 บาทต่อเดือน “สำหรับการประเมินที่สำนักงาน ก.ค.ศ.ปรับปรุงไว้เบื้องต้น แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนแรกกรอบประเมินข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่จะต้องประเมินทุกปี จะดูเรื่องความเชี่ยวชาญในการสอน ภาระงานสอน มาตรฐานในการปฏิบัติงานในแต่ละวิทยฐานะ การพัฒนาตนเอง รวมถึง จรรยาบรรณ คุณธรรม และจริยธรรม มุ่งเน้นความซื่อสัตย์สุจริต โดยจะเป็นการประเมิน 360 องศา ทั้งนี้ การประเมินในส่วนแรก จะมีผลเชื่อมโยงไปถึงการประเมินเพื่อคงไว้ซึ่งวิทยฐานะด้วย ส่วนที่สองจะเป็นกรอบแนวทางการปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินวิทยฐานะ จะให้เลือกทำข้อตกลงในการจัดทำผลงานที่สะท้อนศักยภาพในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนในสาขาที่ขอรับการประเมิน โดยจะดูการสร้างสื่อการเรียนรู้ในรูปแบบต่าง ๆ การสร้างนวัตกรรมการเรียนรู้ สิ่งประดิษฐ์ การจัดกิจกรรม แผนงาน โครงการที่เกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้ การสร้างพัฒนาสื่อเครือข่ายทางวิชาการ สำหรับวิทยฐานะเชี่ยวชาญ และเชี่ยวชาญพิเศษ ให้นำเสนอผลงานโดยใช้กระบวนการวิจัยด้วย ทั้งนี้ ผลการพัฒนาตามข้อตกลงต้องส่งผลถึงการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนโดยรวมตามสาขาวิชาที่รับผิดชอบ ตามมาตรฐานที่กำหนดตามวิทยฐานะที่ขอ” นายพินิจศักดิ์กล่าว
ด้านเดลินิวส์ ก็ได้นำเสนอข่าวนี้ ดังนี้ ชง"หมอธี"ฟันธงปรับเกณฑ์วิทยฐานะ
นายพินิจศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ยังเตรียมข้อมูลครูและบุคลากรทางการศึกษา ที่มีวิทยฐานะกว่า 350,000 คน แบ่งเป็นวิทยฐานะชำนาญการ ประมาณ 100,000 คน อัตราเงินวิทยฐานะ 3,500 บาทต่อเดือน ชำนาญการพิเศษ ประมาณ 200,000 คน เงินวิทยฐานะ 5,600+5,600 บาทต่อเดือน เชี่ยวชาญ ประมาณ 1,000 คน เงินวิทยฐานะ 13,000+13,000(9,900 + 9,900)บาทต่อเดือน และเชี่ยวชาญพิเศษ 2 คน เงินวิทยฐานะ 15,600+15,600 บาทต่อเดือน “การปรับปรุงในเบื้องต้นจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนแรก กรอบประเมินข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ต้องประเมินทุกปี ซึ่งจะดูความเชี่ยวชาญในการสอน ภาระงานสอน มาตรฐานในการปฏิบัติงาน การพัฒนาตนเอง รวมถึงจรรยาบรรณ คุณธรรม และจริยธรรม มุ่งเน้นความซื่อสัตย์สุจริต โดยจะเป็นการประเมิน 360 องศา ทั้งนี้การประเมินส่วนแรก จะมีผลเชื่อมโยงไปถึงการประเมินเพื่อคงวิทยฐานะด้วย ส่วนที่สองจะให้เลือกทำข้อตกลงในการทำผลงานที่สะท้อนศักยภาพการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนในสาขาที่ขอรับการประเมิน โดยจะดูการสร้างสื่อการเรียนรู้ การสร้างนวัตกรรมการเรียนรู้ สิ่งประดิษฐ์ การจัดกิจกรรม เป็นต้น สำหรับวิทยฐาน
|
โพสเมื่อ : 31 ม.ค. 60 อ่าน 1493 ครั้ง คำค้นหา : |