รัฐใจป้ำ เล็งอุดหนุนเงินเดือน อดีตนักโทษ

15 เม.ย. 58 พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีมาตรการและแนวทางการรองรับผู้ต้องโทษหลังได้รับการปล่อยตัวว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีการประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วย เพื่อจัดระบบรองรับการปล่อยผู้ต้องโทษตามพระราชกฤษฎีกาพระราชอภัยโทษ จำนวน 38,000 คน ซึ่งก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรี เคยกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปหารือกันเพื่อรองรับคนกลุ่มนี้ให้กลับ คืนสู่สังคมอย่างมีประสิทธิภาพ และไม่หวนกลับมากระทำผิดซ้ำอีก โดยกระทรวงยุติธรรมได้เตรียมมาตรการที่จะมารองรับระบบการปล่อยตัวแล้ว ซึ่งจะมีทั้งระยะสั้นและระยาว ตอนนี้ต้องทำในระยะสั้นไปก่อน เพราะต้องรอการปรับแก้กฎหมายราชทัณฑ์ฉบับใหม่ด้วย


"ทางกระทรวงยุติธรรมจะส่งรายชื่อบุคคลที่ได้รับการปล่อยตัวทั้งหมด ให้กับกระทรวงมหาดไทย โดยระบบชุมชน กำนันผู้ใหญ่ ในแต่ละหมู่บ้านเข้าไปดูแล เหมือนลูกหลานในครอบครัว เพื่อติดตามชีวิตความเป็นอยู่ของกลุ่มคนคนเหล่านี้ แต่ไม่ได้หมายถึงการติดตามตัวเหมือนผู้ที่ถูกคุมประพฤติ เพราะคนกลุ่มนี้ไม่ใช่ผู้ต้องขัง แต่ภาครัฐต้องมีระบบเข้าไปช่วยให้คนกลุ่มนี้มีสภาพชีวิต ที่ปกติมีงานทำใช้ชีวิตได้ตามปกติ" รมว.ยุติธรรม กล่าว


พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวด้วยว่า ส่วนมาตรการระยะยาวนั้น ต้องหารือร่วมกันเพื่อตกลงว่า จะยกร่างเป็นกฎกระทรวง หรือ รูปแบบความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน หรือต้องเขียนเพิ่มไปในกฎหมายราชทัณฑ์เลยหรือไม่ ที่จะให้หน่วยงานทั้ง 3 หน่วย เข้ารองรับในระบบลักษณะการปล่อยตัวผู้ต้องขังเช่นนี้ อย่างน้อยเป็นการยืนยันได้ว่าในอนาคตภาครัฐต้องเข้าไปช่วยเหลือกลุ่มคนเหล่า นี้อย่างจริงจังเป็นรูปธรรมยั่งยืน

นอกจากนี้ พล.ไพบูลย์ ยังระบุว่า มีแนวคิดจะนำระบบที่ภาครัฐอุดหนุนบริษัท ที่รับกลุ่มคนเหล่านี้เข้าทำงาน รัฐอาจสนับสนุน 30 เปอร์เซ็นต์ของเงินเดือน ของกลุ่มคนเหล่านี้ คล้ายๆ กับที่ประเทศญี่ปุ่นทำ ทั้งนี้เป็นสิ่งที่กำลังคิดว่าจะรูปแบบใด


"ความจริงไม่อยากให้สังคมวิตกมากเกินไป ในการปล่อยตัวผู้ต้องขัง เพราะในความเป็นจริงแล้วอาชญากรรมที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ ไม่ได้หมายความว่ามาจากคนกลุ่มนี้ คนธรรมดาปกติที่ใช้ชีวิตอยู่เรือนจำ ก็ก่ออาชญากรรมได้ ตอนนี้รัฐกำลังหาระบบสอดส่องดูแล คนกลุ่มนี้และสิ่งสำคัญก็จะต้องไม่ไปกระทบสิทธิคนกลุ่มนี้ด้วย เพราะพวกเขาไม่ใช่นักโทษ ซึ่งระบบที่คิดขึ้นต้องไม่สร้างความอึดอัดด้วย" พล.อ.ไพบูลย์ กล่าว

ที่มา แนวหน้า วันพุธ ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2558