![]() |
นพ.กำจร ตติยกวี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ตามที่ ศธ.ร่วมกับธนาคารออมสิน ออกมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้ครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยแบ่งลูกหนี้เป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มลูกหนี้วิกฤตรุนแรง 2.ลูกหนี้ใกล้วิกฤต คือลูกหนี้ที่มีหนี้ค้างชำระเกินกว่า 12 งวดติดต่อกัน นับถึงวันที่ 1 มิถุนายน 2558 3.กลุ่มลูกหนี้ที่ค้างชำระไม่เกิน 12 งวดติดต่อกัน นับถึงวันที่ 1 มิถุนายน 2558 และ 4.กลุ่มลูกหนี้ปกติ โดยเปิดให้ผู้สนใจลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการที่ธนาคารออมสินถึงวันที่ 31 กรกฎาคม ที่ผ่านมานั้น ขณะนี้ธนาคารออมสินได้แจ้งตัวเลขผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการทั้งหมด 21,680 ราย แบ่งเป็น ลูกหนี้วิกฤตรุนแรงที่อยู่ระหว่างถูกฟ้องร้อง และถูกดำเนินคดี 900 ราย ลูกหนี้ใกล้วิกฤต 780 ราย ที่เหลือเป็นลูกหนี้ที่ค้างชำระไม่เกิน 12 งวด และลูกหนี้ปกติ 20,000 ราย คิดเป็นมูลค่าหนี้ทั้งหมด 34,000 ล้านบาท "ตัวเลขผู้เข้าร่วมโครงการถือว่าไม่มาก
หากเทียบกับจำนวนหนี้สินครูที่ธนาคารออมสินรายงานว่ามีกว่า 500,000 ล้านบาท
แต่ถือว่าน่าพอใจ โดยรอดูผลการตอบรับของผู้เข้าร่วมในครั้งนี้ก่อน
ถึงจะพิจารณาว่าจะดำเนินการระยะที่สองหรือไม่
ซึ่งมาตรการดังกล่าวเป็นเพียงการยืดระยะเวลาชำระหนี้ออกไป
เพื่อช่วยให้ครูพอมีเวลาหายใจเท่านั้น
แต่สุดท้ายผู้ที่ต้องชำระหนี้ทั้งหมดคือตัวครูเอง
รัฐบาลคงไม่สามารถช่วยเหลือ หรือชำระหนี้แทนได้ทั้งหมด ทั้งนี้
ระยะยาวคงต้องหามาตรการอื่นช่วย เพราะตรงนี้เป็นเพียงหนี้ในระบบ
หนังสือพิมพ์มติชนรายวันยังไม่รวมหนี้นอกระบบที่มีกว่า 1 ล้านล้านบาท
โดยจะต้องหามาตรการไม่ให้ครูก่อหนี้เพิ่มขึ้น
ซึ่งผมพยายามรวบรวมประเด็นปัญหา และความจำเป็นที่ทำให้ครูเป็นหนี้
ที่นอกเหนือจากวิชาชีพ อาทิ ดูแลพ่อแม่ หรือความเจ็บป่วย
ซึ่งกรณีเหล่านี้ควรเป็นหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและ
สวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ที่ต้องดูแล
ไม่ใช่ดูแลหาแหล่งเงินกู้ ทำให้ครูเป็นหนี้เพิ่มเท่านั้น" นพ.กำจรกล่าว
|
โพสเมื่อ : 11 ส.ค. 58 อ่าน 1686 ครั้ง คำค้นหา : |