ผลสรุปอนุฯป.ป.ช.ซัดผู้บริหารท้องถิ่นตัวการใหญ่! ใช้นโยบาย-อิทธิพลเอื้อโกง
ข่าวจาก สำนักข่าวอิศรา วันจันทร์ ที่ 11 พฤษภาคม 2558
ผู้บริหารท้องถิ่นตัวการใหญ่! เปิดรายงานสรุปปัญหาการทุจริตใน อปท.
พบก่อนเลือกตั้งมีการซื้อเสียง อาศัยอิทธิพลนักการเมืองระดับชาติ
อ้างนโยบายหาเสียงเอื้อโกง หลังนั่งเก้าอี้จัดสรรเงินให้เกิดการวิ่งเต้น
กินเปอร์เซ็นต์โบนัส ข่มขู่ ขรก.ให้ช่วยฮั้วจัดซื้อจัดจ้าง
หมายเหตุ สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org :
เป็นสรุปรายงานสภาพปัญหาการทุจริตในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ของคณะอนุกรรมการมาตรการป้องกันการทุจริตเชิงนโยบายของผู้บริหารท้องถิ่น
คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
ที่ได้จากการประชุมระดมความคิดเห็น และการตอบแบบสอบถามจากหน่วยงานต่าง ๆ
จากการศึกษา
สภาพปัญหาและสาเหตุของการทุจริตเชิงนโยบายขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
(อปท.) รวมทั้งมาตรการ ความเห็น
และข้อเสนอแนะของผู้ทรงคุณวุฒิที่เกี่ยวข้อง
คณะทำงานจัดทำมาตรการป้องกันการทุจริตเชิงนโยบายของ อปท.
พิจารณาแล้วมีความเห็นว่า กระบวนการทุจริตเชิงนโยบายของ อปท. นั้น
มักเกิดจากการกระทำของผู้มีอำนาจ กำหนดนโยบายของ อปท. ซึ่งก็คือ
ผู้บริหารท้องถิ่น
ดังนั้น จึงสรุปข้อมูลสภาพปัญหาที่พบ โดยแบ่งออกเป็น 3 มิติ ดังนี้
1.มิติก่อนการเข้าสู่ตำแหน่งของผู้บริหารท้องถิ่น
พบสภาพปัญหาหลัก ๆ 3 ประการ ได้แก่
1.1 ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้บริหารท้องถิ่นบางส่วน
กระทำการทุจริตเพื่อให้ได้เข้าสู่ตำแหน่งผู้บริหารท้องถิ่น กล่าวคือ
มีการซื้อเสียง หรือกระทำการอื่นใดที่ขัดต่อกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ง
โดยอาศัยความเป็นผู้มีอิทธิพล/เครือญาติ
หรือเครือข่ายกับนักการเมืองระดับชาติ
และบางส่วนก็ได้รับการสนับสนุนจากนายทุนในการสมัครรับเลือกตั้ง
ทำให้เมื่อเข้ามาดำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารท้องถิ่นแล้ว
มีการกำหนดนโยบายเพื่อเอื้อประโยชน์แก่ตนเองและพวกพ้อง
1.2 ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้บริหารท้องถิ่นบางส่วนขาดประสบการณ์
และความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ
หรือความรู้ด้านอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อการบริหารขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
1.3 ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้บริหารท้องถิ่นบางส่วน
กำหนดนโยบายที่ใช้ในการหาเสียงโดยมิได้คำนึงกฎหมาย ระเบียบ
และอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ว่าสามารถดำเนินการตามที่ได้หาเสียงไว้ได้หรือไม่
ทั้งนี้เมื่อได้รับการเลือกตั้งเป็นผู้บริหารท้องถิ่นแล้วก็อ้างถึงความชอบ
ธรรมที่ได้หาเสียงไว้กับประชาชน ผลักดันนโยบายไปสู่การปฏิบัติ
เพื่อเอื้อผลประโยชน์แก่ตนเองและพวกพ้อง
2.มิติระหว่างการดำรงตำแหน่งของผู้บริหารท้องถิ่น
สรุปสภาพปัญหา โดยแบ่งตามประเด็นที่ใช้ในการศึกษาจำนวน 3 ประเด็น ได้แก่
2.1 ปัญหาที่พบเกี่ยวกับการจัดทำแผนพัฒนาท้องถิ่น สรุปได้ 3 ส่วน ดังนี้
1)
กระบวนการจัดทำแผนพัฒนาตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการจัดทำแผนพัฒนา
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2548 ให้อำนาจผู้บริหารท้องถิ่นในการจัดทำ
การแก้ไข การเพิ่มเติม และการเปลี่ยนแปลงพัฒนามากเกินไป
ทำให้ผู้บริหารท้องถิ่นใช้อำนาจดังกล่าว
บรรจุแผนงาน/โครงการที่มีวัตถุประสงค์แอบแฝง ก่อนนำไปสู่การจัดทำข้อบัญญัติ
หรือเทศบัญญัติ งบประมาณรายจ่าย
ทำให้แผนพัฒนาท้องถิ่นนั้นไม่เป็นไปตามความต้องการของประชาชนในท้องถิ่น
อย่างแท้จริง แต่มุ่งการแสวงหาผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง
2) กระบวนการนำแผนพัฒนาท้องถิ่นไปปฏิบัติเป็นช่องทางให้เอื้อประโยชน์ต่อผู้บริหารท้องถิ่นและพวกพ้อง
3) การติดตามและประเมินผลแผนพัฒนาฯ ไม่มีประสิทธิภาพ
อันนำไปสู่การจัดทำแผนพัฒนาฉบับใหม่ที่ไม่สนองตอบต่อการแก้ไขปัญหาของท้อง
ถิ่นอย่างแท้จริง
หากแต่แฝงวัตถุประสงค์ในการเอื้อประโยชน์แก่ผู้บริหารท้องถิ่นและพวกพ้อง
2.2 ปัญหาที่พบเกี่ยวกับการเงิน การคลังและงบประมาณ สรุปได้ ดังนี้
1)
การใช้ดุลยพินิจของผู้บริหารท้องถิ่นหรือเจ้าหน้าที่ในการจัดเก็บรายได้
เช่น การใช้อำนาจในการเป็นผู้พิจารณาประเมินภาษี
และใช้อำนาจพิจารณาอุทธรณ์ภาษี เป็นต้น
ในลักษณะที่เอื้อประโยชน์แก่เครือญาติหรือพวกพ้อง
2) การจัดสรรเงินอุดหนุนเฉพาะกิจให้แก่ อปท.
เอื้อให้เกิดการวิ่งเต้นเพื่อให้ได้รับการจัดสรรเงินอุดหนุนของผู้บริหาร
ท้องถิ่นบางแห่ง โดยมีผลประโยชน์แลกเปลี่ยน
ตลอดจนมีการกำหนดแผนงานโครงการที่มีผลประโยชน์แอบแฝงรองรับการจัดสรรเงินอุด
หนุนเฉพาะกิจดังกล่าว ก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรม
และเป็นช่องทางก่อให้เกิดการทุจริตด้วย
3) การจัดสรรงบประมาณตามนโยบายของผู้บริหารท้องถิ่นหลายโครงการ
มุ่งเพื่อประโยชน์ในการสร้างคะแนนนิยมให้กับตนเอง
โดยไม่ได้คำนึงถึงผลประโยชน์สาธารณะและความคุ้มค่าในการใช้งบประมาณ เช่น
การตั้งงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการที่เอื้อประโยชน์ให้กับหัวคะแนน
เครือญาติและพวกพ้อง
หรือการตั้งงบประมาณเพื่อดำเนินโครงการศึกษาดูงานทั้งในและต่างประเทศ
โดยไม่ได้มุ่งหวังผลในการพัฒนาท้องถิ่นอย่างแท้จริง
แต่แฝงด้วยเจตนาเพื่อหวังคะแนนนิยม เป็นต้น
4)
ผู้บริหารท้องถิ่นใช้อำนาจจัดสรรเงินให้เป็นประโยชน์ตอบแทนอื่นเป็นกรณี
พิเศษ อันมีลักษณะเป็นเงินรางวัลประจำปีแก่พนักงานส่วนท้องถิ่น (โบนัส)
โดยไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการที่กำหนด
และเป็นการใช้เงินของ อปท. ไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ กล่าวคือ
ผู้บริหารท้องถิ่นบางแห่งนำเงินที่ควรนำไปพัฒนาท้องถิ่นมาจัดสรรเป็นเงิน
โบนัส
นอกจากนั้นผู้บริหารท้องถิ่นบางแห่งยังมีการเรียกรับเงินเปอร์เซ็นต์จาก
โบนัสของพนักงานส่วนท้องถิ่นอีกด้วย
5)
ผู้บริหารท้องถิ่นใช้อำนาจโดยกำหนดนโยบายหรือการใช้อำนาจข่มขู่บังคับให้ข้า
ราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่น
ให้ความร่วมมือในการจัดซื้อจัดจ้างที่เป็นการเอื้อประโยชน์ต่อตนเอง
เครือญาติ และพวกพ้อง ตลอดจนการร่วมมือกับผู้ประกอบการในการฮั้วประมูล
ทำให้การจัดซื้อจัดจ้างของ อปท. ขาดความโปร่งใส
2.3 ปัญหาที่พบเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล
1)
ผู้บริหารท้องถิ่นบางส่วนใช้อำนาจทางการบริหารงานบุคคลท้องถิ่นโดยมิชอบ
เพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่เครือญาติ พวกพ้อง หรือนายทุน
ทำให้การบริหารงานบุคคลของท้องถิ่นไม่เป็นไปตามระบบคุณธรรม (Merit System)
2) ผู้บริหารท้องถิ่นใช้อำนาจกำหนดกรอบอัตรากำลังของ อปท.
ไม่สัมพันธ์กับภาระงานที่มีอยู่จริง
เนื่องจากผู้มีอำนาจเปิดกรอบอัตรากำลังเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเครือญาติหรือ
พวกพ้องของตนโดยไม่คำนึงถึงความเหมาะสมกับปริมาณงานที่มีอยู่ในปัจจุบัน
3.มิติการกำกับดูแลและการตรวจสอบ
สรุปปัญหาได้ ดังนี้
กระบวนการตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจของผู้บริหารท้องถิ่น
จากทั้งภายในองค์กร ได้แก่ ฝ่ายสภาหน่วยตรวจสอบภายใน และจากภายนอกองค์กร
ได้แก่ องค์กรอิสระ สื่อมวลชน ภาคประชาสังคมไม่มีประสิทธิภาพ
นำไปสู่การกำหนดนโยบายที่เอื้อประโยชน์ให้แก่ตนเองและพวกพ้อง
รวมถึงหน่วยงานที่กำกับดูแลมีความเชื่อมโยงกับ อปท.
ในเรื่องการขอสนับสนุนงบประมาณอุดหนุน
ทำให้หน่วยงานกำกับดูแลมีความเกรงใจไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่กำกับดูแลได้
อย่างเต็มที่
ส่วนการดำเนินงานของหน่วยงานตรวจสอบ เช่น ป.ป.ช. มีความล่าช้า
ไม่ทันต่อสถานการณ์ทุจริต
ส่งผลให้ผู้บริหารท้องถิ่นบางแห่งไม่มีความเกรงกลัวต่อกฎหมาย
รวมถึงไม่มีบทลงโทษเรื่องการถอดถอนผู้บริหารท้องถิ่น หรือสมาชิกสภาท้องถิ่น
ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดในภายหลังจากที่ผู้บริหารท้องถิ่น
หรือสมาชิกสภาท้องถิ่น พ้นวาระการดำรงตำแหน่งแล้ว
และอยู่ระหว่างการดำรงตำแหน่งวาระใหม่
นอกจากนี้ในส่วนของการใช้ดุลยพินิจในการตีความข้อกฎหมาย ระเบียบ
ของเจ้าหน้าที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ทำให้การตรวจสอบ อปท.
แต่ละแห่งมีความแตกต่างกัน
อาจนำไปสู่ความร่วมมือระหว่างผู้บริหารท้องถิ่นและหน่วยงานตรวจสอบในการ
ทุจริตเชิงนโยบายอีกด้วย
ข่าวจาก สำนักข่าวอิศรา วันจันทร์ ที่ 11 พฤษภาคม 2558
|
โพสเมื่อ :
11 พ.ค. 58
อ่าน 1504 ครั้ง คำค้นหา :
|
|