ผุด "เชียงใหม่โมเดล" ขอสิทธิปฏิเสธนโยบาย ศธ.
สสค.เปิดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ “เชียงใหม่โมเดล”
อีกตัวอย่างของการรวมพลังภาคีเครือข่ายช่วยกันปฏิรูปการศึกษา
มุ่งรักษาอัตลักษณ์คนล้านนา และสร้างคนมีคุณภาพรับโลกอนาคต
ตัวแทนภาคีพระสงฆ์ชี้การศึกษาไทยมีปัญหาเพราะเปลี่ยนรัฐมนตรีและเปลี่ยน
นโยบายบ่อย
แนะให้แต่ละจังหวัดมีสิทธิปฏิเสธนโยบายส่วนกลางที่ไม่สอดคล้องกับบริบทของ
พื้นที่  .....
"เชียงใหม่โมเดล" ขอสิทธิไม่รับนโยบาย ศธ.
จากการเสวนาวิชาการเวทีปฏิรูปการเรียนรู้สู่การศึกษาเพื่อคนทั้งมวล
ครั้งที่ 35 ในหัวข้อ
“แผนยุทธศาสตร์ปฏิรูปการศึกษาจังหวัดเชียงใหม่โดยใช้พื้นที่เป็นฐาน”
จัดโดยสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน(สสค.)
เมื่อเร็วๆนี้ นายไพรัช ใหม่ชมภู ผอ.สำนักการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่
ในฐานะเลขานุการภาคีเชียงใหม่เพื่อการปฏิรูปการศึกษา กล่าวว่า
วิกฤติด้านการศึกษากำลังเป็นปัญหาระดับชาติ
ในขณะที่การจัดการศึกษาภายใต้กรอบการทำงานแบบเดิมทำให้เกิดข้อจำกัด
และไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด
ภาคส่วนต่างๆในจังหวัดเชียงใหม่ต่างตระหนักถึงปัญหานี้จึงได้ร่วมกันจัดตั้ง
ภาคีเชียงใหม่เพื่อการปฏิรูปการศึกษาขึ้น โดยมี 120 ภาคีเครือข่าย 80
หน่วยงาน 40 บุคคล โดยมุ่งเน้นช่วยกันจัดการศึกษาในบริบทของเชียงใหม่ หรือ
เชียงใหม่โมเดล
เพื่อตอบสนองต่อวิถีการดำเนินชีวิตของคนเชียงใหม่ได้อย่างแท้จริง
โดยมีสำนักการศึกษาฯ
อบจ.เชียงใหม่เป็นหน่วยสนับสนุนประสานเชื่อมโยงการทำงานทุกภาคส่วน
โดยมีเป้าหมายสำคัญมุ่งสร้างความภาคภูมิใจในอัตลักษณ์ของคนล้านนา
สร้างเด็กให้มีทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 ควบคู่การมีสัมมาชีพ
และให้พื้นที่จัดการตนเอง
เรียกว่าเป็นการมอบอำนาจการจัดการศึกษาให้แก่ประชาชน
เปลี่ยนจากการสั่งการไปเป็นการส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้
นายเฉลิมชาติ นครังกุล ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า
การศึกษาคือการสร้างคนต้นน้ำ ส่วนภาคธุรกิจคือลูกค้า
ที่ผ่านมาสถาบันการศึกษาจะผลิตอย่างไรก็ได้ ไม่เคยตามไปดูผลงาน
จนต้องมีเสียงสะท้อนจากภาคธุรกิจเกี่ยวกับปัญหาคุณภาพของผู้เรียน
ซึ่งปัจจุบันก็ยังเป็นปัญหาอยู่
และหากปล่อยไว้ก็จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ของชาติ
ภาคธุรกิจจึงต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับการปฏิรูปการศึกษาทั้งที่ดูแล้วไม่น่า
จะเกี่ยวข้อง
“ต้นเหตุของปัญหาคือค่านิยมของคนไทยที่อยากให้ลูกหลานเรียนปริญญา
ทำให้สถาบันอุดมศึกษาเปิดรับเด็กตลอด
ทั้งที่ควรลดอุดมศึกษาและหันไปเพิ่มอาชีวะ
เหมือนประเทศเจริญแล้วที่จะมีผู้จบอุดมศึกษาเพียงร้อยละ
30แต่จบอาชีวะถึงร้อยละ 70” นายเฉลิมชาติ กล่าว
พระครูศรีสิทธิพิมล เจ้าอาวาสวัดศรีบุญเรือง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า
ตนมองว่าการศึกษาของไทยยังขาดการสอนให้คิดวิเคราะห์
รวมถึงการศึกษาสงฆ์ด้วย แม้จะมีพระที่เรียนจบเปรียญธรรม 9 ประโยค
แต่ก็แค่เก่งท่องเก่งแปลบาลี เมื่อมีปัญหาทางศาสนาเกิดขึ้น
ไม่เคยเห็นออกมาแสดงความคิดเห็น มีแต่พระนักพูดเพียงไม่กี่รูป
นอกจากนี้ตนยังมองว่าปัญหาการศึกษาไทยส่วนหนึ่งเกิดจากปัญหาทางโครงสร้างที่
มีการเปลี่ยนรัฐมนตรีบ่อย เมื่อเปลี่ยนคนใหม่ก็เปลี่ยนนโยบายใหม่
ซึ่งบางครั้งก็ไม่สอดคล้องกับบริบทของแต่ละพื้นที่ เช่น
มีนโยบายให้สอนเด็กนักเรียนว่ายน้ำ
ในขณะที่เชียงใหม่ไม่เคยนึกถึงเรื่องว่ายน้ำเลย
ตนจึงอยากถามว่าแต่ละจังหวัดจะสามารถปฏิเสธนโยบายจากส่วนกลางได้หรือไม่
โดยให้เลือกรับเฉพาะนโยบายที่จำเป็นสอดคล้องกับบริบทของพื้นที่เท่านั้น
ศ.นพ.ประเวศ วะสี กล่าวว่า การทำปฏิรูปจะใช้วิธีสั่งไม่ได้
แต่ต้องให้เกิดจากการก่อตัวจึงจะเป็นของจริง
ซึ่งรูปแบบของเชียงใหม่โมเดลเป็นตัวอย่างของกระบวนการถอนตัวจากอำนาจ
มุ่งเปลี่ยนวิธีจัดการศึกษาจากการที่ครูพูดสอนไปเป็นการส่งเสริมให้ผู้เรียน
ได้เกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง
โดยเอาชีวิตเป็นตัวตั้งไม่ใช่เอาวิชาเป็นตัวตั้ง
ซึ่งโรงเรียนที่ทำได้ตามรูปแบบนี้พบว่าเด็กเรียนอย่างมีความสุข
ผู้ปกครองก็มีความสุข สังคมก็มีความสุข
“การสอนของครูก็คือการใช้อำนาจสั่งการ
ซึ่งการเรียนรู้กับอำนาจไปด้วยกันไม่ได้
การสอนจึงเป็นการปิดพื้นที่ทางความคิด เพราะจะต้องท่องอย่างเดียว
ไม่เกิดการเรียนรู้ ท่องแล้วก็ลืม เป็นการทุ่มกำลังไปสู่ความสูญเปล่า
อีกทั้งปัญหาของประเทศไทยคือมีโครงสร้างอำนาจแบบรวมศูนย์
จึงมีการเสนอให้คืนอำนาจให้ประชาชนมากที่สุดในรูปแบบของชุมชน
หรือจังหวัดจัดการตนเอง
เหมือนในสหรัฐอเมริกาที่รัฐบาลกลางไม่มีอำนาจสั่งการ
แต่ท้องถิ่นจะมีอำนาจจัดการตนเองทุกเรื่อง
โดยส่วนกลางแค่ทำหน้าที่สนับสนุนเชิงนโยบายและวิชาการเท่านั้น” ศ.นพ.ประเวศ
กล่าว
|
โพสเมื่อ :
08 ม.ค. 58
อ่าน 1519 ครั้ง คำค้นหา :
|
|