คุรุสภาลดคน-อนุมัติตั๋วครูเร็วขึ้น
เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)
เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมคุรุสภาเมื่อเร็วๆ นี้ว่า
ที่ประชุมมีมติเห็นชอบตามที่คุรุสภาเสนอปรับโครงสร้างและระบบบริหารงานของ
สำนักงานเลขาธิการคุรุสภาใหม่โดยแบ่งส่วนงานออกเป็น 6 สำนัก 1 ศูนย์ 1
หน่วย 1 กลุ่ม และปรับกรอบอัตรากำลังเหลือ 409 อัตรา จากเดิม 638 อัตรา
ลดลง 229 อัตรา ดังนี้ จากเดิม เลขาธิการคุรุสภา 1 อัตรา
รองเลขาธิการคุรุสภา 2 อัตรา ที่ปรึกษาสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา 2 อัตรา
ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ 3 อัตรา สำนักมาตรฐานวิชาชีพ 30 อัตรา
สำนักทะเบียนและใบอนุญาตประกอบวิชาชีพและนิติการ 28 อัตรา
สำนักพัฒนาและส่งเสริมวิชาชีพ 28 อัตรา สำนักนโยบายและแผน 17 อัตรา
ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ 12 อัตรา สำนักอำนวยการ 60 อัตรา หน่วยตรวจสอบภายใน
3 อัตรา กลุ่มพัฒนาระบบ 4 อัตรา หน่วยบริการงานคุรุสภา 185 อัตรา
โครงสร้างใหม่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2558
"การปรับปรุงโครงสร้างครั้งใหม่นี้จะทำให้การดำเนินการต่างๆ
เป็นไปอย่างรวดเร็ว
โดยเฉพาะช่วยแก้ไขปัญหาความล่าช้าในการขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู
ซึ่งเป็นงานหลักของคุรุสภา
ซึ่งที่ผ่านมากำหนดระยะเวลาพิจารณาการอนุมัติและออกใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ
ไว้ไม่เกิน 60 วัน แต่โครงสร้างใหม่จะทำให้กระบวนเหล่านี้เร็วขึ้นไม่กิน 30
วัน" รมว.ศึกษาธิการ กล่าว
ขณะเดียวกัน ที่ประชุมยังพิจารณาปรับแก้ พ.ร.บ.
สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2546 โดยปรับลดจำนวนคณะกรรมการคุรุสภา
เหลือ 23 คน จากเดิม 39 คน
เพื่อให้การบริหารงานรเกิดความคล่องตัวมากขึ้นและให้ปลัด
ศธ.เป็นประธานโดยตำแหน่งจากเดิมที่มาจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่มาจากการคัด
เลือกของคณะกรรมการคุรุสภากรรมการโดยตำแหน่งประกอบด้วย
เลขาธิการศึกษาขั้นพื้นฐาน เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา
เลขาธิการการอาชีวศึกษา
เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน
และหัวหน้าสำนักงานคณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่นกรรมการ
จากผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา 8 คน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
ที่มาจากการสรรหา โดยเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย 1 ราย และอีก 2 ราย
คัดเลือกมาจากครูดีเด่นที่ได้รับการยอมรับ
และให้ยกเลิกคณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ (กมว.)
เนื่องจากอำนาจซ้ำซ้อนกับคณะกรรมการคุรุสภา
และให้ปรับมาเป็นคณะกรรมการจรรยาบรรณ
เพื่อทำหน้าที่พิจารณาการประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพโดยเฉพาะ
ซึ่งหากคณะกรรมการจรรยาบรรณฯตัดสินแล้วรู้สึกไม่พอใจก็สามารถยื่นเรื่องต่อ
คณะอนุกรรมการอุทธรณ์ได้
ที่มา คมชัดลึก ฉบับวันที่ 21 ส.ค. 2558 (กรอบบ่าย) |
โพสเมื่อ :
23 ส.ค. 58
อ่าน 1435 ครั้ง คำค้นหา :
|
|