|
|
วันนี้(11ก.ค.) ในการประชุมวิชาการทางวัฒนธรรมระดับนานาชาติ ที่โรงแรมบางกอกชฎา กรุงเทพฯ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม(สวธ.) กระทรวงวัฒนธรรม(วธ.) ได้มีการเปิดเผยข้อมูลงานวิจัยทางวัฒนธรรมจำนวน 12 เรื่องที่ได้รับทุนสนับสนุนจากสวธ. โดยงานวิจัยชิ้นหนึ่งของผศ.ดร.ศิริพร เสริตานนท์ อาจารย์คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเซนต์จอห์น ได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมประชุมเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีการสำรวจการเปิดรับสื่ออนาจารต่อพฤติกรรมของนักศึกษามหาวิทยาลัย ซึ่งพบข้อมูลว่า มีนักศึกษามากกว่า ร้อยละ 80 เปิดรับสื่ออนาจารผ่านอินเทอร์เน็ต โดยดูจากสมาร์ทโฟน ผ่านโปรแกรมต่างๆ โดย ผศ.ดร.ศิริพร เปิดเผยว่า ตนเห็นว่าปัญหาเรื่องเพศสัมพันธ์ในวัยรุ่น มีแนวโน้มเฉลี่ยอายุลดลงเรื่อยๆ เห็นได้จากข่าวสารทุกวันนี้ มีเด็กทำแท้งมากขึ้น และเฉลี่ยอายุลดลง ซึ่งสาเหตุหนึ่งของการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรก็มาจากการรับสื่ออนาจารต่างๆ ผศ.ดร.ศิริพร กล่าวต่อไปว่า ตนได้เริ่มทำการวิจัยตั้งเดือนมกราคม-มีนาคม 2555 จากกลุ่มตัวอย่างที่เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยทั้งของรัฐและเอกชนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ตั้งแต่ชั้นปีที่ 1-4 มีเกรดเฉลี่ยตั้งแต่ 2.51-3.00 จำนวน 600 คน แบ่งเป็นชาย 298 คน หญิง 302 คน พบว่า นักศึกษาเปิดรับสื่ออนาจารบนสมาร์ทโฟนผ่านอินเทอร์เน็ต อาทิ ยูทูป เฟสบุ๊ค มากถึงร้อยละ 80 โดยกลุ่มตัวอย่างยังระบุว่ารู้จักเว็บไซต์อนาจาร 1-3 เว็บ โดยจะเน้นดูที่หอพัก หรือบ้านเพื่อน สำหรับช่วงอายุในการเปิดรับสื่ออนาจาร พบว่า นักศึกษาชายเริ่มรู้จักและสัมผัสสื่ออนาจารเมื่ออายุ 10-13 ปี ส่วนนักศึกษาหญิงช่วงอายุ 14-16 ปี ที่สำคัญกลุ่มตัวอย่างบางส่วนยังระบุว่า เคยประกาศหาคู่ทางอินเทอร์เน็ต ขณะที่วัตถุประสงค์ของการรับสื่ออนาจาร 3 อันดับแรก ได้แก่ 1.เพื่อความบันเทิง 2.ผ่อนคลายความเครียด และ3.เพื่อสนองความอยากรู้อยากเห็น โดยเฉพาะศึกษาความรู้เรื่องเพศ ทั้งนี้เมื่อพิจารณาตามกลุ่มสาขาวิชา พบว่า กลุ่มนักศึกษามนุษยศาสตร์/สังคมศาสตร์ เปิดรับสื่ออนาจารเพื่อความบันเทิง อยากรู้อยากเห็น ส่วนกลุ่มนักศึกษาวิชาวิทยาศาสตร์ แพทย์ เน้นบันเทิง และหาความรู้เรื่องเพศ เป็นต้น “ผลการประมวลสัดส่วนการเกิดพฤติกรรมทางเพศของนักศึกษากลุ่มตัวอย่างที่เคยเปิดรับสื่ออนาจารในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา พบว่า นักศึกษามีพฤติกรรมเปิดรับสื่ออนาจารสูงสุด แต่ปฏิเสธการรับสื่ออนาจารเมื่อเพื่อนชักชวน รองลงมา คือ ชอบเที่ยวกลางคืนกับเพื่อนต่างเพศ หมกมุ่นทางเพศและเคยซื้อบริการทางเพศ ที่สำคัญยังพบว่า กลุ่มตัวอย่าง เคยมีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน ชายกับชาย ร้อยละ 55 และหญิงกับหญิง ร้อยละ 66 นอกจากนี้ยังพบพฤติกรรมทางเพศที่เกี่ยวเนื่องกับการรับสื่ออนาจาร 3 ลำดับ ได้แก่ 1.เคยขายบริการทางเพศ 2.มั่นใจในความเป็นชายจริงหญิงแท้ และ3.ควบคุมอารมณ์และการแสดงออกทางเพศได้ดี และที่น่าสนใจคือกลุ่มเรียนดี ระดับหัวกะทิ อาทิ นักศึกษาคณะแพทย์ และวิทยาศาสตร์ ก็บริโภคสื่ออนาจารเช่นกัน แสดงให้เห็นว่า สื่ออนาจารมีผลต่อนักศึกษาทุกกลุ่ม”ผศ.ดร.ศิริพร กล่าว สำหรับแนวทางการป้องกันนั้น ผศ.ดร.ศิริพร เผยว่า กลุ่มอาจารย์ เห็นว่ารัฐบาลต้องปรับปรุงกฎหมายและบทลงโทษการประกอบธุรกิจสื่ออนาจารบนอินเทอร์เน็ต รวมทั้งสถาบันการศึกษาควรมีการสอดแทรกเนื้อหาที่สอนให้นักศึกษารู้จักเลือกรับสื่อที่เหมาะสมในรายวิชาต่างๆ ส่วนกลุ่มผู้ปกครอง เห็นว่า ควรมีการพัฒนาความรู้ของผู้ปกครองให้ใช้อินเทอร์เน็ตเป็น เข้าถึงชุมชนออนไลน์ได้ เพื่อสามารถติดตามการใช้อินเทอร์เน็ตของบุตรหลานได้ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ปกครองสามารถให้คำแนะนำที่ถูกต้องและโดนใจบุตรหลาน รวมทั้งสามารถพูดคุยถึงผลกระทบการใช้สื่ออนาจารกับบุตรหลานได้อย่างเปิดเผย ในขณะที่กลุ่มนักศึกษาเห็นว่าสื่อลามกอนาจารมีผลกระทบต่อจิตใจ ร่างกาย ซึ่งการป้องกันที่ได้ผลที่สุด คือ ฝึกควบคุมจิตใจตนเอง รู้จักใช้เหตุผลในการเลือกรับสื่อ รู้เท่าทันสื่อ แต่ก็คงเป็นเรื่องยากที่จะควบคุมเนื้อหาบนอินเทอร์เน็ต จึงอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละบุคคลในการเลือกบริโภคสื่ออย่างชาญฉลาด โดยใช้สติ รู้คิด วิเคราะห์ และพอเหมาะพอดี |
| โพสเมื่อ : 12 ก.ค. 56 อ่าน 1645 ครั้ง คำค้นหา : |