![]() |
ผู้แทนการศึกษาจาก จ.อาคิตะ ประเทศญี่ปุ่น ร่วมลงนามแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และการใช้ทรัพยากรทางการศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ กับสถาบันการศึกษาไทย 2 แห่งได้แก่โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัยและวชิราวุธวิทยาลัย เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.59 ผู้แทนจังหวัดอาคิตะและสถาบันการศึกษาของไทย นำโดย นายโนริฮิสะ ซาตะเกะ ผู้ว่าราชการจังหวัดอาคิตะ ประเทศญี่ปุ่น, นายซูซูมุ โยเนตะ ตัวแทนคณะกรรมการการศึกษาจังหวัดอาคิตะ และนายฮิซาโอะ คิคูจิ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ จังหวัดอาคิตะ ประจำประเทศไทย พร้อมด้วย ดร.วิภาวดี ชีวะผลาบูรณ์ รองผู้อำนวยการโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย และ ผศ.สุรวุธ กิจกุศล ผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่างนักเรียนและอาจารย์จากสถาบันการศึกษาในจังหวัดอาคิตะ ประเทศญี่ปุ่น กับโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัยและวชิราวุธวิทยาลัย โดยมีเนื้อหาสาระที่สำคัญคือการพัฒนาและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านการศึกษา วิชาการ วัฒนธรรม ดนตรี และกีฬา การใช้ทรัพยากรทางด้านการศึกษาและร่วมมือวางแผนจัดกิจกรรมส่งเสริมการศึกษาร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ นายซูซูมุ โยเนตะ ตัวแทนคณะกรรมการการศึกษาจังหวัดอาคิตะ กล่าวว่า อาคิตะ เป็นจังหวัดที่มีจุดเด่นในด้านการพัฒนาการศึกษาอย่างเป็นระบบ โดยไม่ได้จำกัดว่าจะต้องเป็นโรงเรียนใดเพียงโรงเรียนหนึ่งเท่านั้น ดังนั้น การร่วมมือในครั้งนี้ จึงถือได้ว่าเป็นการนำร่องที่สำคัญที่จะทำให้เกิดความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาอื่นๆจากประเทศไทยต่อไปในอนาคต สำหรับจังหวัดอาคิตะถือเป็นจังหวัดที่ได้รับการยอมรับเป็นอย่างสูงว่า เป็นจังหวัดที่มีระบบการศึกษาและมาตรฐานที่ดีที่สุดในอันดับต้นๆ ของประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากบุคลากรทางด้านการศึกษาและประชาชนในพื้นที่ของจังหวัดอาคิตะได้มีการร่วมมือกันพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนและสร้างสภาพแวดล้อมในพื้นที่ให้เกิดการเรียนรู้เชิงบูรณาการ โดยเฉพาะการปูพื้นฐานให้แก่นักเรียนทุกระดับชั้นได้เข้าใจถึงวิธีการดำเนินชีวิตอยู่ร่วมกับธรรมชาติและชุมชน รวมทั้งปลูกฝังให้นักเรียนได้แสดงคิดเห็นและวิเคราะห์เชิงสร้างสรรค์ นอกจากนี้ การเรียนรู้ในห้องเรียน ทางจังหวัดอาคิตะยังได้มีการพัฒนาและบรรจุหลักสูตรการเรียนการสอนภาคภาษาอังกฤษ (International program) เข้าไปในการศึกษาทั้งระดับมัธยมและมหาวิทยาลัย ตลอดจนมีการเพิ่มหลักสูตรกิจกรรมกีฬา ศิลปวัฒนธรรม และดนตรีภายหลังจากเสร็จสิ้นการเรียนในแต่ละวันให้แก่นักเรียน ขณะเดียวกัน ด้วยที่ตั้งทางภูมิศาสตร์และทรัพยากรธรรมชาติที่ได้เปรียบ จังหวัดอาคิตะยังมีแหล่งเรียนรู้นอกห้องเรียนที่น่าสนใจและช่วยเพิ่มทักษะการเรียนรู้ให้แก่นักเรียนได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะแหล่งการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ ตลอดจนวัฒนธรรมประเพณี และวิถีชีวิตของชาวท้องถิ่น ซึ่งจะทำให้นักเรียนจากประเทศไทยได้เปิดทรรศนะทางการศึกษา และมีโอกาสพัฒนาทักษะการคิดและเสริมสร้างกระบวนการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ตรงอย่างแท้จริง นอกจากนี้ ทางจังหวัดอาคิตะยังได้มีการประสานความร่วมมือกับชุมชนท้องถิ่นในการสนับสนุนที่พักอาศัยแบบฟาร์มสเตย์กับครอบครัวชาวอาคิตะ เพื่อต้อนรับนักเรียนและอาจารย์จากทั้ง 2 โรงเรียนในกรณีที่เดินทางไปทรรศนะศึกษาที่จังหวัดอาคิตะ โดยปัจจุบันจังหวัดอาคิตะมีที่พักแบบฟาร์มสเตย์มากถึง 40 แห่ง ซึ่งถือว่าเป็นจังหวัดที่มีที่พักรูปแบบดังกล่าวเป็นจำนวนมากที่สุดของประเทศญี่ปุ่น สำหรับการบันทึกข้อตกลงระหว่างคณะกรรมการการศึกษาประจำจังหวัดอาคิตะ ประเทศญี่ปุ่น กับโรงเรียนในประเทศไทยในครั้งนี้ ถือว่าเป็นการสานต่อและขยายผลความร่วมมือทางด้านวิชาการของจังหวัดอาคิตะและสถาบันการศึกษาไทย หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทางจังหวัดอาคิตะได้มีการร่วมมือกับโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัยไปแล้วเป็นโรงเรียนแรกเมื่อปี 2558 ซึ่งการร่วมมือดังกล่าวได้ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี จนกระทั่งถึงปัจจุบัน ทั้งนี้ จังหวัดอาคิตะเป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะฮอนชู ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งนอกจากจะมีความโดดเด่นทางด้านการศึกษาแล้ว ยังเป็นจังหวัดที่มีความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติท่ามกลางการผสมผสานของเสน่ห์ทางวัฒนธรรม วิถีชีวิต และขนบธรรมเนียมประเพณีแบบญี่ปุ่นโบราณ อาทิ สวนสาธารณะเซนชุ ปราสาทคุโบตะ บ้านซามูไรยุคต้นศตวรรษที่ 17 ทะเลสาบทาซาวะ และเทือกเขาฮาจิมังไต เป็นต้น. ที่มา : นสพ.ไทยรัฐ |
โพสเมื่อ : 29 มิ.ย. 59 อ่าน 1387 ครั้ง คำค้นหา : |