"ยงยุทธ" จี้ สมศ.ต้องปรับบทบาท



“ยงยุทธ”จี้สมศ.ปรับบทบาท ไม่ใช่ประเมินอย่างเดียวแต่ต้องให้คำแนะนำ-แนวทางพัฒนาสถานศึกษาด้วย พร้อมเดินหน้าเสนอแก้กฎหมายสุ่มประเมินสถานศึกษา


วันนี้(8 ธ.ค.) ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ศ.ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดการ ประชุมวิชาการนานาชาติ"การประกันคุณภาพการศึกษา" ประจำปี 2557 และกล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ"การตรวจสอบคุณภาพสถานศึกษา" ตอนหนึ่งว่า สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา(สมศ.)องค์การมหาชนมีบทบาท หน้าที่ในการประเมินและรับรองคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาทุกระดับแต่ที่ผ่าน มา สมศ.เน้นการประเมินเป็นหลัก ถึงแม้ตามกฎหมายกำหนดให้สมศ.ต้องประเมินสถานศึกษาทุกแห่ง แต่ปัญหา คือ ขณะนี้มีสถานศึกษาจำนวนมากขึ้น การจะให้สมศ.ประเมินทุกแห่งจึงเป็นเรื่องยาก ดังนั้น สมศ.ต้องปรับปรุงวิธีการประเมินซึ่งตนได้เสนอให้ใช้วิธีการสุ่มประเมิน ขณะเดียวกันก็เห็นว่าที่ผ่านมามีการกำหนดตัวชี้วัดในการประเมินมากเกินไปก็ ควรปรับตัวชี้วัดลดลงให้เหลือเฉพาะตัวที่สะท้อนคุณภาพได้อย่างชัดเจน ได้แก่ ตัวชี้วัดด้านศิษย์ ด้านครู ด้านกิจการภายใน อาทิ การเรียนการสอนการบริหารจัดการ การพัฒนาผู้เรียน และด้านความสัมพันธ์กับคนภายนอก อาทิ ศิษย์เก่าชุมชน ผู้ปกครอง และสังคม

รองนายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่าไม่อยากให้สมศ.ประเมินผลผลิตในเชิง อุตสาหกรรมที่ผลิตอะไรแล้วจะต้องออกมาเหมือนกันหมดเพราะการประเมินภายนอก สถานศึกษาเป็นการประเมินคน ผลผลิตจะออกมาเหมือนกันไม่ได้ สถานศึกษาต้องผลิตผู้เรียนให้สามารถพัฒนาความสามารถของผู้เรียนให้สามารถ เรียนรู้ได้ตลอดชีวิตสามารถแก้ปัญหาได้ด้วยตนเองได้ เพราะเมื่อเด็กออกสู่โลกภายนอกจะต้องเผชิญกับปัญหาที่ไม่เหมือนกันจึงต้องมี ความสามารถที่จะแก้ปัญหาได้ด้วยตนเอง

“ผมอยากถามว่าต่อไป สมศ.ควรมีบทบาทอย่างไรจะเป็นผู้ถือไม้เรียวหรือให้ช่อดอกไม้หรือทำทั้ง สองอย่าง เพราะที่ผ่านมา สมศ.เหมือนผู้ถือไม้เรียวเข้าไปตรวจข้อสอบขณะที่ผู้ที่จะถูกตรวจสอบยังไม่ ได้รับการฝึกฝนอย่างเพียงพอ จึงอยากให้ สมศ.ปรับบทบาทเข้าไปช่วยเหลือสถานศึกษาด้วยและต้องการเริ่มรับรองสถานศึกษา โดยความสมัครใจของสถานศึกษาเองไม่ใช่บังคับให้เข้ารับการประเมิน โดยผมเสนอให้มีการแก้ไขกฎหมายจากเดิมที่บังคับให้สถานศึกษาทุกแห่งต้องรับ การประเมินมาเป็นการสุ่มประเมิน ซึ่งจะใช้วิธีการทางสถิติในการสุ่มหากสถานศึกษาใดมีคุณภาพตามที่กำหนดก็จะ ได้รับการรับรอง ขณะที่สถานศึกษาที่ไม่ถูกสุ่มตรวจก็ต้องมีมาตรการหรือแนวทางที่จะตรวจสอบ คุณภาพด้วยซึ่งวิธีการหนึ่งก็คือ ให้สถานศึกษาสมัครเข้ารับการประเมิน โดยสมศ.ก็ต้องมีแผนหรือระบบในการพัฒนาสถานศึกษาไว้รองรับด้วย"ศ.ดร.ยงยุทธ กล่าว

 

 

ที่มา เดลินิวส์ วันจันทร์ 8 ธันวาคม 2557 เวลา 14:00 น.


โพสเมื่อ : 08 ธ.ค. 57   อ่าน 1250 ครั้ง      คำค้นหา :