![]() |
ใกล้โค้งสุดท้ายของน้องๆ นักเรียนชั้นม. 6 ที่กำลังเคร่งเครียดเตรียมตัวอ่านหนังสือ ติวเพื่อสอบGAT-PAT แม้ว่าการสอบครั้งที่ 1 จะผ่านพ้นมาแล้วช่วงวันที่29 ตุลาคม-1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา แต่ยังเหลือการสอบอีกครั้งในวันที่ 5-8 มีนาคม 2559 และช่วงปลายเดือน 27-29 ธันวาคม นี้ยังต้องสอบ9 วิชาสามัญอีกด้วย ทั้งหมดนี้ มีความสำคัญมาก ๆ เพราะทุกคะแนนมีผลต่อการนำไปสมัครเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยที่ตอนนี้เด็ก ๆ มี 3ทางเลือกคือ การสมัครรับตรงที่แต่ละมหาวิทยาลัยเปิดรับเอง การรับสมัครในระบบเคลียริ่งเฮาส์ และโอกาสสุดท้ายการสมัครในระบบการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา ในระบบคัดเลือกรวมหรือแอดมิสชั่นส์กลางประจำปีการศึกษา2559 มีการสอบและสมัครเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยหลายทางเลือกมากขนาดนี้ค่าใช้
จ่ายของนักเรียนและผู้ปกครองจะมากมายแค่ไหนและลดลงจากปีที่ผ่านมาหรือไม่
นั้น“มติชน” ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนผู้ปกครองหลายๆ คน
นางดวงกมล ยอมรับว่าเดี๋ยวนี้จะเข้ามหาวิทยาลัยรัฐ ได้ต้องมีค่าใช้จ่ายต่างๆ เยอะ เราก็อยากให้ลูกสอบเข้าเรียนได้ เรียกว่ายอมลงทุนเพื่อให้ลูกเรียนมหาวิทยาลัยรัฐที่จะถูกกว่ามหาวิทยาลัย เอกชนมาก ส่วนที่รัฐมีความพยายามจะลดค่าใช้จ่ายผู้ปกครอง คงไม่ได้เพราะค่านิยมเด็กต้องการมีที่เรียนในมหาวิทยาลัยรัฐ นอกจากการอ่านหนังสือเองแล้วต้องไปติวเพิ่มเพื่อให้แข่งขันกับเด็กคนอื่นๆ ได้ เชื่อว่าผู้ปกครองหลายๆคนน่าจะมีค่าใช้จ่ายเหมือนกันอาจจะมากหรือน้อยกว่า นางชัชมณฑ์ วิบูลย์เวชวาณิชย์ อายุ 48 ปี ผู้ปกครองโรงเรียนสารสาสน์เอกตรา บอกว่าลูกสาวเรียนอยู่ชั้นม.6 มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างเยอะในการสอบเพื่อสมัครเข้าเรียนในหลักสูตรอินเตอร์ ระดับปริญญาตรี ไล่เรียงตั้งแต่ ค่าสอบไอเอล 7 พันบาทต่อครั้ง สอบSAT 4 ครั้ง 12,000 กว่าบาท CU-TEP สอบ2ครั้ง 1,400 บาท สอบ CU-ATS 1 ครั้ง 1,300 บาท และยังเหลือสอบวิสามัญอีกแต่ค่าสมัครสอบไม่เยอะมาก และยังเหลือสอบSmart One เพื่อนำคะแนนไปยื่นสมัครสอบคณะบัญชีอินเตอร์ “นอกจากนี้ ยังมีค่าเรียนพิเศษในส่วนของไอเอล จำค่าเรียนไม่ได้แต่หลักหมื่นบาทก็ถือว่าแพงมาก ยังมีติวชีววิทยา คอร์สละ 6 พันกว่าบาท คณิตศาสตร์อีก 6 พันกว่าบาท และค่าเรียนคุมองอีก รวมค่าเรียน ค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น การเดินทาง ค่าอาหาร ก็ค่อนข้างเยอะ และยอมรับว่าบางทีค่าใช้จ่ายก็มากจริงๆ
แต่เมื่อการศึกษาของเรามาระบบนี้แล้วก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ต้องยอมรับ
จะไปเรียกร้องอะไรก็คงไม่ได้
เพราะอาจจะมีผู้ปกครองบางคนเสียมากกว่านี้ก็ได้
ลูกสาวเองก็พยายามช่วยประหยัด อ่านหนังสือเองด้วย ติวให้น้อยที่สุด”
นางชัชมณฑ์ “ที่ต้องติวเยอะเพราะลูกเราไม่ได้เรียนเก่งมาก การเรียนเพิ่มก็เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นว่าจะเข้ามหาวิทยาลัยของรัฐได้ในคณะ ตามที่ต้องการ เพราะเดี๋ยวนี้คะแนนแต่ละแห่งค่อนข้างสูง แม้โรงเรียนที่ลูกเรียนอยู่จะมีมาตรฐานค่อนข้างสูง แต่ก็ประมาทไม่ได้กลัวว่าจะได้คณะที่ไม่ดี” ผู้ปกครองคนเดิม กล่าวอีกว่า ช่วงนี้ลูกชายทยอยยื่นสอบรับตรงไป1-2แห่งแล้ว รอประกาศผลอยู่หากสอบติดไวก็คงลดค่าใช้จ่ายได้อีกเยอะ จะได้ไม่ต้องยื่นสมัครรับตรงที่มหาวิทยาลัยอื่นๆ เพิ่มเพราะคงต้องเสียค่าสมัครและค่าเดินทางเยอะยิ่งไปต่างจังหวัด อย่างไรก็ตามส่วนตัวยังโชคดีที่มีกำลังทรัพย์พอจ่ายได้ แต่ถ้าให้เลือกได้ก็อยากให้ลูกเรียนหนังสือเก่งมากๆ กว่านี้จะได้ไม่ต้องเสียเงินเยอะ เพราะถ้าลองเทียบกับสมัยที่เข้ามหาวิทยาลัย ไม่ได้เสียเงินเยอะขนาดนี้เทียบกันไม่ได้เลย นี่เป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น หลายๆ คนอาจไม่ได้เสียเงินเยอะแยะมากมายขนาดนี้ แต่แค่เห็นตัวเลขที่ต้องจ่ายกันมากขนาดนี้แล้ว
ใครที่กำลังจะมีลูกคงคิดหนักเหมือนกัน
กับค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาที่ยังสูงขึ้นเรื่อยๆ
ที่มา มติชนออนไลน์ วันที่ 24 ธันวาคม 2558 |
โพสเมื่อ : 25 ธ.ค. 58 อ่าน 1437 ครั้ง คำค้นหา : |