"ณัฏฐพล"ขันน็อตข้าราชการศธ. ดันการศึกษายกกำลัง2
3ก.ย.63-นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ. )
ได้เรียกประชุมสำนักนโยบายและแผนของทุกส่วนงานใน ศธ. เมื่อวันที่
2ก.ย.ที่ผ่านมา
เพื่อทำความเข้าใจและติดตามแผนงานการศึกษายกกำลังสองเพื่อสร้างความเป็นเลิศทางการศึกษา
เพื่้อขับคลื่อนสร้างความปลี่ยนแปลงระบบการศึกษาไทย โดยกล่าวว่า
ขณะนี้ทุกประเทศเผชิญสถานกาณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เช่นเดียวกัน
หากประเทศไทยซึ่งมีมาตรการด้านสาธารณสุขเป็นอันดับต้นของโลก
ถือเป็นข้อได้เปรียบหากจะมีนักลงทุน หรือนักท่องเที่ยวมาประเทศไทย
จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องเร่งพัฒนาศักยภาพของเด็กนักเรียน และคุณครู
เพื่อให้สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
“ผมเป็น รมว.ศธ. ที่พบทูตกว่า 40 ประเทศ
ซึ่งได้สอบถามว่าหากจะเข้ามาลงทุนในเมืองไทย มีข้อกังวลอะไร
ทุกคนจะพูดเหมือนกันว่า ห่วงเรื่องปัญหาความไม่พร้อมของบุคลากรด้านแรงงาน
ดังนั้นหากสถานการณ์พลิกฟื้นกลับสู่ภาวะปกติ ซึ่งอาจต้องใช้ระยะเวลาอีก 1-2
ปี ถ้าเราสามารถปรับเปลี่ยนตัวเองด้านการศึกษา
โดยสามารถผลิตบุคลากรคุณภาพเพื่อรองรับได้ ถึงเวลานั้น
เราก็จะสามารถเป็นประเทศที่ดึงดูดนักลงทุน นักท่องเที่ยว
ส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศให้พลิกฟื้นขึ้นมาได้”
รมว.ศธ.กล่าว ยังกล่าวในที่ประชุมด้วยว่า
อยากให้ทุกหน่วยงานเร่งรัดการดำเนินงานตามแผนที่มีอยู่ให้รวดเร็วมากขึ้น
รวมถึงการร่วมกันหาแนวทางแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม เช่น
แนวทางการสอบเพื่อคัดเลือกครูให้ได้คนที่มีความสามารถจริงมาเป็นครูสอน
ผู้บริหารโรงเรียนจะมีหลักเกณฑ์
หรือแนวทางในการปรับตัวเพื่อเปลี่ยนสถานการศึกษาของตนเองให้มีความเป็นเลิศเฉพาะทางของตนเองได้อย่างไร
หรือปรับวิธีการสอบโดยใช้ข้อสอบแบบสุ่ม (Random) เป็นต้น นอกจากนี้
ทุกหน่วยงานในศธ. ต้องบูรณาการแนวคิด และวิธีการทำงานเป็นหนึ่งเดียว
เพื่อหาแนวทางร่วมกันในลักษณะข้ามหน่วยงาน
ให้เป็นแผนงานของกระทรวงศึกษาธิการที่ทุกคนเป็นเจ้าของผลงานร่วมกันอย่างเป็นองค์รวม
โดยให้มีการประชุมเพื่อจัดทำแผนบูรณาการด้านการศึกษายกกำลังสอง
และนำเพื่อหารือร่วมกันภายในระยะเวลา 1 เดือน
“เราต้องก้าวข้ามข้อจำกัด และขยายความร่วมมือกับทุกภาคส่วนมากขึ้น
ต้องเพิ่มด้านปริมาณ และคุณภาพอย่างเข้มข้น หากมีข้อติดขัด เช่นงบประมาณ
พวกเราต้องช่วยกัน และสรุปข้อเสนอแนะอย่างมีเหตุมีผล
ซึ่งผมพร้อมที่จะนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อขออนุมัติในการปลดล็อคแนวทางการทำงาน
หากเราทุกคนในกระทรวงฯ ช่วยกัน คุย
จะเป็นวิวัฒนาการใหม่ของการบริหารราชการไทย
เป็นกระทรวงแรกที่มีการร่วมมือกันทุกหน่วยงาน อยู่ที่ว่า ทุกคนพร้อม
และกล้าหรือไม่ หากเราจะมาช่วยกันรื้อด้านการศึกษาของไทย
ซึ่งเริ่มต้นได้ทันที รวมถึงการทำแผนงานงบประมาณในปี 2565
อย่างบูรณากการร่วมกัน”
ทั้งนี้ ในที่ประชุม หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ได้นำเสนอแผนงานที่ได้ดำเนินการแล้ว และอยู่ระหว่างดำเนินการ
ตามแนวคิดด้านการศึกษายกกำลังสอง ซึ่งประกอบด้วย
ศูนย์พัฒนาศักยภาพบุคคลเพื่อความเป็นเลิศ หรือ Human Capital Excellence
Center – HCEC, แฟลตฟอร์มด้านการศึกษาเพื่อความเป็นเลิศ หรือ Digital
Education Excellence Center-DEEP และ แผนพัฒนารายบุคคลเพื่อความเป็นเลิศ
หรือ Excellence Individual Development Pan - EIDP โดยมีแผนงานสำคัญ อาทิ
ทางสภาการศึกษาแห่งชาติ
จะดำเนินการด้านหลักสูตรให้เป็นที่เรียบร้อยในเดือนพฤษภาคม 2564 และในปี
2563 จะสามารถจัดทำฐานข้อมูล และแฟ้มผลงาน (Portfolio)
ของเด็กนักเรียนทั่วประเทศ ทางสำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)
เสนอแผนงานการควบรวมโรงเรียนใน 29 จังหวัด จำนวนกว่า 2,000 โรงเรียน
และแผนการโยกย้าย และพัฒนาครูผู้สอน
ด้านสำนักงานอาชีวศึกษา (สอศ.)
เสนอแผนเร่งรัดและขยายความร่วมมือกับภาคเอกชนด้านหลักสูตรการเรียนการสอน
เพื่อตอบสนองความต้องการด้านแรงงานของภาคเอกชน
และเสนอแนะการสร้างแรงจูงใจให้เด็กนักเรียนชั้นมัธยมต้นหันมาศึกษาด้านอาชีวะมากขึ้น
เพื่อเตรียมความพร้อมด้านการแรงงานที่มีความต้องการในอนาคต
โดยเฉพาะสาขาสำคัญๆ เช่น โรโบติกส์ ระบบราง แม็คคาทรอนิกส์ เป็นต้น
ด้านสำนักส่งเสริมวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี (สสวท.)
ได้นำเสนอการฝึกอบรมครูด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี
ด้วยระบบออนล์ และการขออนุมัติงบประมาณในการเปลี่ยนพื้นที่ท้องฟ้าจำลอง
กรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองสะเต็มศึกษา (STEM Edupolis)
เพื่อเป็นศูนย์พัฒนาความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม
และคณิตศาสตร์ ให้กับครูทั่วประเทศ
ที่มา : นสพ.ไทยโพสต์
|
โพสเมื่อ :
08 ก.ย. 63
อ่าน 1074 ครั้ง คำค้นหา :
|
|