"เทศบาล-อบต."หนุนโอน พนง.ท้องถิ่นเป็นครูสพฐ.
เทศบาล-อบต.ไม่ค้านโอน พนง.ท้องถิ่นเป็นครูสังกัด สพฐ.
สปช.ไม่ฟันธงอำนาจซุปเปอร์บอร์ดโยกบิ๊ก ศธ. รองนายกฯเร่งดันร่างตั้งกระทรวง
อุดมฯ  .....
ความคืบหน้ากรณีที่ประชุมคณะกรรมการข้า
ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ที่มี พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)
มีมติเห็นชอบร่างหลักเกณฑ์และวิธีการโอนพนักงานส่วนท้องถิ่นและข้าราชการ
อื่น มาบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการครู
ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)
แต่ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด อาทิ ต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู
มีประสบการณ์สอนมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี เป็นต้น
เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ นายสรณะ เทพเนาว์ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ
(สปช.) ด้านการปกครองท้องถิ่น และนายกสมาคมพนักงานเทศบาลแห่งประเทศไทย
เปิดเผยว่า เห็นด้วยที่
ศธ.จะรับโอนพนักงานและข้าราชการสังกัดท้องถิ่นไปเป็นครูสังกัด สพฐ.
ซึ่งคาดว่าจะมีผู้สนใจบางส่วนจะโอนย้ายตามหลักเกณฑ์ที่ ก.ค.ศ.กำหนด
แต่ตั้งข้อสังเกตว่าการยกระดับคุณภาพการศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
(อปท.) ขนาดใหญ่ หลายพื้นที่
มีการประเมินออกมาพบว่ามีประสิทธิภาพในการจัดการเรียนการสอนมากกว่า สพฐ.
โดยนำบุคลากรทางศึกษาที่มีคุณภาพสูงมาสอนให้เหมาะสมกับความต้องการของท้อง
ถิ่น
นายสรณะกล่าวต่อว่า
อนาคตจะมีการปรับโครงสร้างของระบบการบริหารบุคคลให้มีการถ่ายโอนระหว่างระบบ
ราชการส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และ อปท.
มากขึ้นภายหลังการปฏิรูปการเมืองจะมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขหลักเกณฑ์การโอน
ย้ายบุคลากรจากท้องถิ่นไปหน่วยงานอื่นมากขึ้นจะแตกต่างจากในอดีตที่อาจไม่
ได้เปิดกว้างนัก
นายอำพล ยุติโกมินทร์ อดีตเลขาธิการสมาพันธ์ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) แห่งประเทศไทย กล่าวว่า หาก
มีการแก้ไขกฎหมายและมีความชัดเจนในการโอนย้าย
เชื่อว่าจะมีบุคลากรของท้องถิ่นย้ายโอนไปสังกัด สพฐ.
แต่ทราบว่ากรณีดังกล่าวยังต้องผ่านความเห็นชอบอีกหลายขั้นตอน เนื่องจาก
ศธ.ต้องการปฏิรูประบบการศึกษาเพื่อไม่ให้ซ้ำซ้อนกับ อปท. ทั้งนี้
ที่ผ่านมามีการให้อำนาจ อปท.จัดการศึกษา
แต่มีเงื่อนไขต้องผ่านการประเมินความพร้อมตาม พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติทำให้
อบต.จำนวนมากไม่มีโอกาสจัดการศึกษาหรือรับการถ่ายโอนตามแผนขั้นตอนกระจาย
อำนาจ แต่หากอนาคตการกระจาย อำนาจให้
อปท.ที่มีความพร้อมจัดการศึกษาได้เองจะเป็นทางเลือกให้ผู้ปกครองในท้องถิ่น
ตัดสินใจว่าจะนำบุตรหลานของตัวเองไปเรียนโรงเรียนที่สังกัด อปท.หรือ สพฐ.
นางจรี วัชรวงษ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านบ่อนอก (ทองวิทยา) อ.เมือง
จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า การโอนครู ผู้บริหารข้ามสังกัด
ปัจจุบันมีแนวทางการปฏิบัติแต่อยู่ที่อำนาจของผู้บริหารต้นสังกัดจะยินยอม
หรือไม่ ซึ่งในอนาคตคิดว่าไม่มีความจำเป็นต้องโอนย้ายข้ามสังกัด
เพียงแต่มีการเกื้อกูลด้านบุคลากรเพื่อให้ระบบการศึกษามีประสิทธิภาพ
ทุกหน่วยงานต้องช่วยเหลือกัน ปรับแต่ความก้าวหน้าในวิชาชีพให้มีมาตรฐาน
ครูทั้งระบบในทุกสังกัดควรใช้ฐานเงินเดือนเละระเบียบ กฎเกณฑ์ร่วมกัน
ด้านนายกฤษณพงศ์ กีรติกร รัฐมนตรีช่วยว่าการ ศธ.
กล่าวถึงความคืบหน้าการปฏิรูปการศึกษาของ ศธ. ว่าเมื่อเร็วๆ นี้ นายยงยุทธ
ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้หารือร่วมกับ พล.ร.อ.ณรงค์
โดยนายยงยุทธได้ย้ำว่าอยากให้ ศธ.เดินหน้าผลักดันร่าง
พ.ร.บ.การจัดตั้งกระทรวงการอุดมศึกษา
ซึ่งคิดว่ารองนายกฯค่อนข้างให้ความสำคัญ
เพราะไม่ได้มองเฉพาะประเด็นแยกโครงสร้างเท่านั้น
แต่เป็นการทำให้ระบบอุดมศึกษาสามารถพัฒนาศักยภาพอย่างที่ควรจะเป็น
คือทำหน้าที่ผลิตคนเพื่อพัฒนาประเทศ
และเท่าที่ทราบสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.)
ได้ส่งร่างดังกล่าวให้รัฐมนตรีว่าการ
ศธ.พิจารณาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
รัฐมนตรีช่วยว่าการ ศธ.กล่าวต่อว่า ในที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย
(ทปอ.) วันที่ 22 กุมภาพันธ์นี้
จะย้ำเรื่องการเพิ่มศักยภาพมหาวิทยาลัยให้สามารถจัดการศึกษา
รวมถึงทำงานวิจัยที่ตอบโจทย์การพัฒนาประเทศให้มากขึ้น นอกจากนี้
จะหารือเรื่องการวางระบบธรรมาภิบาลในมหาวิทยาลัย ซึ่งจะต้องทำ 2 ทาง
ทั้งระบบธรรมาภิบาลภายในมหาวิทยาลัยเอง และระบบธรรมาภิบาลจากภายนอก
คือรัฐเข้าไปมีส่วนในการกำกับดูแล ซึ่งมีหลายแนวทาง
"แนวทางหนึ่งที่คิดไว้ คือจะขอให้เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.)
หารือกับคณะกรรมการ กกอ.ตั้งอนุกรรมการธรรมาภิบาลใน กกอ.
และผมจะไปหารือกับคณะกรรมการข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาเรื่องการ
สร้างระบบธรรมาภิบาลในการบริหารงานบุคคลในสถาบันอุดมศึกษา
ทั้งการได้มาซึ่งอธิการบดี นายกสภามหา วิทยาลัย กรรมการสภาฯ
รวมถึงกติกาต่างๆ ที่ต้องดูในเชิงระบบ ซึ่งอยากให้มหาวิทยาลัยช่วยกันคิด
และวางแนวทางแก้ปัญหาร่วมกัน" นายกฤษณพงศ์กล่าว
นายศักริน ภูมิรัตน อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.)
ในฐานะคณะกรรมาธิการปฏิรูปการศึกษาและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สปช.
กล่าวว่า กรณีมี สปช.บางคนเสนอให้ตั้งคณะกรรมการ
หรือซุปเปอร์บอร์ดด้านการศึกษา และให้มีอำนาจในการแต่งตั้งโยกย้ายผู้บริหาร
ศธ.นั้น
ตามหลักการแล้วซุปเปอร์บอร์ดด้านการศึกษาจะมีหน้าที่ดูแลภาพรวมนโยบายใน
เรื่องการจัดการศึกษาให้มีความต่อเนื่อง
ไม่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตามนโยบายของพรรคการเมือง
จนส่งผลให้การศึกษาไม่เกิดการพัฒนาเช่นที่ผ่านมา
ส่วนจะเข้าไปมีส่วนในการแต่งตั้งโยกย้ายผู้บริหารระดับสูงของ
ศธ.ด้วยหรือไม่นั้น เป็นเรื่องรายละเอียดที่ยังต้องหารือ
และขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป เพราะเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาให้รอบคอบ
ที่มา --มติชน ฉบับวันที่ 12 ก.พ. 2558 (กรอบบ่าย) |
โพสเมื่อ :
12 ก.พ. 58
อ่าน 1453 ครั้ง คำค้นหา :
|
|