จี้ศธ.เร่งวางรากฐานอาชีวะ

          เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน นายสมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์ประจำคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายเพิ่มสัดส่วนนักเรียนสายอาชีวศึกษาต่อสายสามัญศึกษา เป็น 49:51 นั้น ถือเป็นนโยบายที่ดี และเป็นเรื่องที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ทำไม่ได้มาตลอด แต่ที่น่าห่วงคือ ขณะนี้ทุกหน่วยงานของ ศธ. ทั้งสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้น พื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ต่างประเดประดังทำเรื่องดังกล่าวเพื่อสนองนโยบายรัฐบาล จนลืมคิดถึงความต่อเนื่อง เพราะเมื่อเปลี่ยนรัฐบาลหรือเปลี่ยนรัฐมนตรีว่าการ ศธ. นโยบายก็อาจจะเปลี่ยน และทำให้สิ่งที่ดำเนินการมาทั้งหมดสูญเปล่า       นายสมพงษ์กล่าวต่อว่า ดังนั้น เพื่อให้นโยบายดังกล่าวเกิดความต่อเนื่อง สอศ.ควรดำเนินการในประเด็นหลักๆ คือ เร่งแก้ปัญหาเด็กอาชีวะตีกัน เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้ปกครองว่า ถ้าส่งลูกมาเรียนอาชีวะแล้วจะไม่เป็นอันตราย และไม่เป็นนักเรียนนักเลง จากนั้นจะต้องเร่งวางรากฐานความเป็นอาชีวศึกษา สร้างประวัติศาสตร์ของอาชีวศึกษาที่ควบคู่ไปกับการสร้างชาติ ไม่ใช่ใช้แต่วิธีการประชาสัมพันธ์เพียงอย่างเดียว เพราะจากที่ตนเคยไปศึกษาดูงานในประเทศที่ประสบความสำเร็จในการจัดการอาชีวศึกษา อาทิ ประเทศฟินแลนด์ ส่วนใหญ่อาชีวศึกษาจะมีประวัติศาสตร์ควบคู่กับการพัฒนาประเทศ ซึ่งประเทศไทยไม่มี ดังนั้นจึงต้องเร่งสร้างเรื่องนี้
          ที่สำคัญการประชาสัมพันธ์เพื่อจูงใจให้เด็กมาเรียนสายอาชีวะของ ศธ.นั้น เน้นตอบสนองภาคอุตสาหกรรมมากเกินไปอาจจะมาผิดทาง เพราะอุตสาหกรรมเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่ควรเร่งพัฒนาอาชีวะแบบองค์รวมในทุกๆ สายอาชีพ ที่สำคัญจะต้องเร่งดำเนินการปฏิรูป สอศ. ทั้งหลักสูตร และอุปกรณ์การเรียนการสอนที่ล้าสมัย ขณะเดียวกัน สอศ.ก็จะต้องเร่งแก้ปัญหาเรื่องการทุจริตภายในของตนเองด้วย นายสมพงษ์กล่าว

          --มติชน ฉบับวันที่ 19 พ.ย. 2556 (กรอบบ่าย)--