เมื่อสัปดาห์ก่อน
ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
พร้อมด้วยตัวแทนครู- อาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา
ได้นำเอกสารและพยานหลักฐานพร้อมหนังสือร้องเรียนจำนวนกว่า 5,000 ฉบับ
ยื่นเรื่องร้องต่อพ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการ ปปง.
เพื่อขอให้สำนักงาน ปปง.
ตรวจสอบกับต้นสังกัดของโครงการกู้เงินโครงการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเหลือ
เพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.)
เรื่องนี้มีมูล เพราะ พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการ ปปง. กล่าวว่า
โครงการที่ผู้เสียหายมาร้องเรียนให้สำนักงาน ปปง.ตรวจสอบนั้น
เป็นโครงการกู้เงินโครงการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเหลือเพื่อนครูและบุคลากรทาง
การศึกษา (ช.พ.ค.)
ร่วมกับธนาคารในการกำกับของรัฐและบริษัทประกันภัยในการกำกับของรัฐ
ได้ปล่อยสินเชื่อการกู้เงิน
โดยบังคับให้ทำประกันชีวิตวงเงินสินเชื่อเป็นเวลา 9-10 ปี
โดยหักเงินจากยอดเงินกู้ พร้อมคิดดอกเบี้ย
ซึ่งจะเป็นประโยชน์หากผู้กู้เสียชีวิตทางบริษัทประกันภัย
จะชดใช้หนี้คืนให้ทั้งหมด ทั้งนี้
จากการตรวจสอบไปยังสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมธุรกิจประกันภัย
(คปภ.)
กลับได้รับแจ้งว่าทางธนาคารและบริษัทประกันภัยดังกล่าวได้ทำประกัน
อุบัติเหตุและสุขภาพ ไม่ใช่ประกันชีวิตอย่างที่แจ้งกับครูผู้กู้
อีกทั้งไม่ได้ให้กรมธรรม์ประกันภัยใดๆแก่ครูผู้เอาประกันภัย
ซึ่งมีผู้ร่วมโครงการกว่า 150,000 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 5,000 ล้านบาท
ดังนั้น สำนักงาน ปปง. จะรับเรื่องไว้เพื่อดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง
ตรวจสอบข้อมูลและพยานหลักฐานต่างๆว่าสถาบันการเงินดังกล่าวรับเงินแล้วไป
ดำเนินการอย่างไร
อันที่จริงโครงการ ช.พ.ค 5 มีปัญหาซับซ้อนไม่น่าโปร่งใสมาตั้งแต่เริ่มต้น
พ.ศ 2552 เมื่อ สกสค.
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา
เปิดโครงการสวัสดิการเงินกู้กองทุนการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและ
บุคลากรทางการศึกษา หรือ ช.พ.ค. (โครงการ 5) โดยให้สมาชิก
ช.พ.ค.ที่มีอายุการเป็นสมาชิกตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป
กู้เงินได้ในวงเงินสูงสุดถึง 600,000 บาท/คน
และบังคับให้ผู้กู้ทุกรายต้องทำประกันชีวิตเพื่อประกันสินเชื่อกับบริษัท
ประกันภัยในอัตราค่าเบี้ยประกันต่อคนต่อ 10 ปี ตั้งแต่ 6,200-37,200 บาท
ขึ้นอยู่กับวงเงินกู้ยืม
นำไปสู่ข้อร้องเรียนว่า
ครูและบุคลากรทางการศึกษาจำนวนไม่น้อยต้องได้รับความเดือดร้อนจากโครงการ
เงินกู้ ช.พ.ค. โดยเฉพาะกรณีที่ถูกบังคับให้ทำประกันชีวิตผู้กู้รายใหม่
แต่ธนาคารกลับจ่ายเงินสนับสนุนพิเศษให้สำนักงาน สกสค.
โดยที่ครูและบุคลากรทางการศึกษาไม่ได้รับประโยชน์ โดยส่วนใหญ่เห็นว่า
การบังคับให้สมาชิกช.พ.ค.ที่จะขอกู้ในโครงการ 5 ทำประกันชีวิต
ควรจะต้องทบทวน เพราะเบี้ยประกัน 10 ปี
ค่อนข้างสูงหากเปรียบกับการประกันของครูทั่วไป เช่น
สหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครราชสีมา จำกัด ที่มีสมาชิกประมาณ 18,000 คน
เก็บเบี้ยประกันเดือนละประมาณ 120 บาท หรือปีละ 2,400 บาท
ได้รับความคุ้มครองกรณีเสียชีวิต 600,000 บาท ในขณะที่โครงการเงินกู้
ช.พ.ค.โครงการ 5 มีผู้กู้หลายแสนคน ดังนั้นเบี้ยประกันน่าจะถูกกว่านี้
การร้องเรียนในอดีต เรื่องเงียบไป มาถึงขณะนี้ ข้อมูลเผยว่า
เรื่องการทำประกันชีวิตก็ไม่ขริง เป็นแค่กาประกันอุบติเหตุและสุขภาพ
ซึ่งถ้าเป็นเรื่องจริงก็เท่ากับต้มตุ๋นเงินจากครูคนต้นเรื่องทำก็เป็นครู
คนถูกหลอกก็เป็นครู "แม่พิมพ์ของชาติ" !
แถมต้องมีสถาบันการเงินร่วมทำกันเป็นทีม หวังว่า ปปง. ยุคนี้
จะทำงานโปร่งใส ไม่อย่างนั้นคงหยุดครูโกงผลิตนักเรียนโกงไม่ได้
ที่มา ไทยโพสต์ วันที่ 2 มิถุนายน 2558