ศธ.ยันหลักสูตรใหม่ไม่โละวิชาเก่า ’ภาวิช’ แจงไม่เลิกพลศึกษา-สอนป.1-ม.6
ศธ.ยันหลักสูตรใหม่ไม่โละวิชาเก่า 'ภาวิช' แจงไม่เลิกพลศึกษา-สอนป.1-ม.6
เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม นายภาวิช ทองโรจน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการปฏิรูปหลักสูตรและตำราการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยถึงความคืบหน้าการปรับหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานใหม่ ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างขอทำความเข้าใจกับสังคมว่าในหลักการของการปรับหลักสูตร ความรู้ที่จำเป็นในการพัฒนานักเรียนยังอยู่ครบถ้วน เพียงแต่มีการจัดระบบใหม่เท่านั้น และวิชาที่เรียนกันอยู่ก็ยังอยู่ครบ อย่างวิชาพลศึกษา ศิลปะ ไม่ได้มีการตัดรายวิชาเหล่านี้ออก ตอนนี้ทราบว่าเริ่มมีกระแสและพูดกันไปเรื่อยว่าหลักสูตรใหม่ไม่มีวิชาพลศึกษาและอาจจะมีกลุ่มครูพลศึกษามาคัดค้านที่ ศธ. โดยการที่คิดเช่นนี้อาจเป็นเพราะได้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนไม่ตรงกับข้อเท็จจริง โดยวิชาพลศึกษาในหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานใหม่ จะสอนตั้งแต่ระดับประถมศึกษาปีที่ 1-มัธยมศึกษาปีที่ 6 เพื่อเน้นการพัฒนาด้านร่างกายและจิตใจของผู้เรียน นายชัยณรงค์ อินทรมีทรัพย์ อดีตประธานคณะกรรมการสถาบันวิจัยและพัฒนาคุณภาพ (สวพ.) กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นว่าการปรับหลักสูตรใหม่ จะสร้างความหายนะครั้งใหญ่ คือ ระบบการศึกษาไทยที่อ่อนแออยู่แล้ว จะเข้าขั้นวิกฤตเพราะจะเกิดปรากฏการณ์ความสับสนวุ่นวายของนักเรียน ครูอาจารย์ ผู้บริหารการศึกษาและสำคัญที่สุดพ่อแม่ผู้ปกครองอีกสิบกว่าล้านคนจะต้องตระหนกตกใจและเกิดความหวั่นเกรงไปต่างๆ นานาว่าจะเกิดอะไรขึ้น ซึ่งการเปลี่ยนหลักสูตรจะนำไปสู่การเรียนเนื้อหาวิชาใหม่ๆ หรือวิชาเก่าแต่เรียนมากขึ้น ครูอาจารย์จะสอนเนื้อหาใหม่ๆ ได้หรือไม่ ทั้งๆ ที่เนื้อหาเดิมๆ ที่สอนมาหลายปี ก็ยังสอนไม่ค่อยได้ การจัดตารางสอน จัดชั้นเรียน การสอบ การเรียนต่อ ฯลฯ ล้วนแต่เป็นผลตามมาจากการเปลี่ยนหลักสูตร ผู้ปกครองจะต้องซื้อหนังสือใหม่ ต้องจ่ายค่าเรียนพิเศษ จ่ายค่าติววิชาใหม่ จ่ายค่ากวดวิชาใหม่ เชื่อว่าผลลัพธ์ทางการเรียนจะตกต่ำลงไปอีก หากผู้บริหาร ครู นักเรียน ยังเกิดความรู้สึกต่อต้านไม่เห็นด้วย คัดค้านทั้งเปิดเผยและไม่เปิดเผย ทำให้สมาธิในการเรียนการสอนเสียไปมาก ครูและผู้บริหารจะต้องทิ้งโรงเรียนและห้องเรียนไปอบรมสัมมนา ระดมสมองซึ่งจะเสียเวลาและไม่เกิดประโยชน์ อย่างไรก็ตามเรื่องของการศึกษาถือว่ามีความละเอียดอ่อนมากและคุณภาพการเรียนการสอนกว่าจะรู้ผล ต้องใช้เวลาเป็น 10 ปีหรืออาจจะมากกว่านั้น อดีตประธาน สวพ.กล่าว
ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน |
|
โพสเมื่อ :
21 ต.ค. 56
อ่าน 1598 ครั้ง คำค้นหา :
|
| |